30 มี.ค.นัดคดีรัชฎา ฟ้องชัยวัฒน์-ปปป. แกล้งบุกจับรับส่วย

30 มี.ค.นัดคดีรัชฎา ฟ้องชัยวัฒน์-ปปป. แกล้งบุกจับรับส่วย

ศาลอาญาคดีทุจริตฯนัดไต่สวน “รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา” อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ในฐานะโจทก์ฟ้องกลับ “ผู้การเต่า ปปป. และชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” กับพวกรวม 7 คน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ยกพลบุกจับถึงห้องทำงาน ศาลนัดฟังคำสั่ง 30 มี.ค. เจ้าตัวเผยสื่อ เบื้องหลังเกิดจากการที่ “ชัยวัฒน์” ไม่พอใจ ถูกตนสั่งตั้งกรรมการสอบ เรื่องเบิกจ่ายโครงการปลูกป่าฯ 4,200 ไร่ เป็นเงินกว่า 14 ล้านบาท เมื่อปี 62 ยันเงินที่พบในห้องส่วนหนึ่งเป็นของตัวเอง ส่วนการยื่นฟ้องกลับเป็นการเรียกความยุติธรรม และขอคืนภาพลักษณ์ให้ตัวเองเพราะถูกใส่ความ ด้าน ผบ.ตร.เผยเชื่อว่าผู้การเต่าและชุดจับกุมไม่หวั่นไหว เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าจะได้รับแรงกระทบอะไรกลับมา

ศาลนัดไต่สวนอดีตบิ๊กกรมอุทยานฯฟ้องกลับ “ผู้การเต่า-ชัยวัฒน์” โดยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดสอบข้อเท็จจริงโจทก์คดีที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รวมทั้งชุดจับกุมและ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) กับพวก รวม 7 คน เป็นจำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ความผิดต่อเสรีภาพ, ทำพยานหลักฐานเท็จฯ, เจ้าพนักงานแกล้งให้ต้องรับโทษ บุกรุก ซ่องโจร ผิด พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 กรณีจำเลยทั้งหมดวางแผนล่อลวงให้รับเงิน และยังเผยแพร่ข้อมูลบันทึกวิดีโอให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง

ต่อมาเวลา 08.20 น. นายรัชฎาเดินทางมาถึงศาลพร้อมระบุว่า วันนี้ศาลนัดมาไต่สวนฝ่ายโจทก์ หลังจากก่อนหน้านี้ส่งทนายความยื่นฟ้องให้ดำเนินคดีกับทั้ง 7 คน ยืนยันว่าไม่มีการเรียกรับผลประ โยชน์จากข้าราชการในสังกัดตามที่ถูกกล่าวหา ปฏิเสธมาโดยตลอด สาเหตุที่ถูกตำรวจและนายชัยวัฒน์เข้าจับในห้องทำงาน คาดว่าเกิดจากการที่นายชัยวัฒน์ ไม่พอใจที่ถูกตนตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องเบิกจ่ายโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 4,200 ไร่ เป็นเงินกว่า 14 ล้านบาท เมื่อปี 2562 คดียังอยู่ในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 29 มี.ค.66

มีรายงานว่ากรณีที่ศาลนัดสอบข้อเท็จจริงโจทก์ในวันนี้เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นวันนัดฟังคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้อง ศาลมีคำสั่งให้โจทก์แก้ฟ้อง และชี้ช่องในหลายประเด็น จากนั้นศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 30 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น.

กระทั่งช่วงบ่าย นายรัชฎาลงมาจากห้องพิจารณาคดีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้งว่า วันนี้ศาลถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของการยื่นฟ้อง เช่นความสัมพันธ์เคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ ทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายชัยวัฒน์ และรายละเอียดเหตุการณ์ ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ สำหรับตนและนายชัยวัฒน์รู้จักกันมา 10 กว่าปี สมัยที่นายชัยวัฒน์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งหนึ่ง เรื่องความขัดแย้งไม่มี มีเพียงการที่ตนตั้งคณะกรรมการสอบการละเมิดของนายชัยวัฒน์ เรื่องการทุจริตปลูกป่า ตนและกรมเป็นผู้เสียหายเป็นผู้ฟ้อง สั่งตั้งกรรมการสอบนายชัยวัฒน์ เรื่องนี้ตนถูกร้องเรียนว่าตั้งกรรมการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ในข้อเท็จจริงคดีใกล้จะหมดอายุความครบ 10 ปีในวันที่ 29 มี.ค.66 ถ้าถึงวันนั้นคดีนี้จะไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าผลสรุปเป็นเช่นนั้น ถ้าตนไม่ตั้งคณะกรรมการสอบ จะถูกตั้งข้อหาอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และต้องชดใช้แทนนายชัยวัฒน์

นายรัชฎากล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเรื่องทางวินัยของนายชัยวัฒน์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรียกสอบมาแล้วเป็นเวลา 5 ปี กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชี้มูลว่าผิดวินัยร้ายแรง ส่วนเรื่องทางอาญากรรมการสอบกรณีละเมิดได้เสนอว่าให้กรมอุทยานแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายชัยวัฒน์ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ส่วนเงินที่พบในที่เกิดเหตุ ส่วนหนึ่งที่พบเป็นเงินส่วนตัว บรรยากาศวันนั้น อยู่ดีๆ เจ้าหน้าที่บุกไปในห้องขอตรวจ จึงเรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติการเข้ามา เพราะเรื่องกฎหมายไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนตัวยังไม่ได้ตรวจดูซองเงินที่ระบุชื่อไว้ที่ด้านหน้า เพราะตั้งแต่เช้ามีกิจกรรมทำบุญ แต่สำหรับซองพวกดังกล่าว ยอมรับว่ามีผู้นำเข้ามาให้ เพื่อเช่าพระพุทธรูปและร่วมทำบุญโครงการพ่อแม่อุปถัมภ์ โครงการดังกล่าวดำเนินการมาหลายปี ในโครงการนี้ภาคเอกชนร่วมบริจาคมาแล้วกว่า 6 ล้านบาท เงินส่วนนี้เป็นการขอระดมให้ทุกคนสนับสนุน เพราะตามหลักโครงการนี้มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 30 ล้านบาท โครงการนี้คือค่าเลี้ยงดู ค่าอาหารของสัตว์ที่เป็นของกลางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดมาได้

นายรัชฎากล่าวยืนยันอีกว่า ในส่วนของการรับเงินเป็นเรื่องปกติของข้าราชการที่จะต้องผ่านผู้บังคับบัญชาเป็นคนดูแล ไม่มีในส่วนของค่าน้ำร้อนหรือค่าน้ำชา ส่วนที่นายชัยวัฒน์โต้แย้งว่าการสร้างพระพุทธรูปหรือเช่าพระพุทธรูปเสร็จสิ้นไปนานแล้ว ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ยังมีพระที่ยังไม่ได้เช่าอีกร้อยกว่าองค์ ทั้งนี้การที่เดินทางมายื่นฟ้องเป็นการเรียกความยุติธรรมให้กับตัวเอง เรื่องนี้ต้องขอคืนภาพลักษณ์เพราะสิ่งที่เกิดเป็นการใส่ความ เรื่องที่นายชัยวัฒน์นำไปแจ้งความ อยากถามกลับว่าตำรวจได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าเป็นเงินส่วนใด

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีนายรัชฎา ฟ้องกลับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กับพวกว่า ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งหรือใส่ร้าย อีกทั้งได้รับการประสานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ปฏิบัติไปตามหน้าที่ หากนายรัชฎาคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับตำรวจได้ ที่ผ่านมาเน้นย้ำข้อกฎหมายกับตำรวจทั่วประเทศในการตรวจค้นเป้าหมายและสถานที่ต่างๆโดยเฉพาะผู้ต้องหารายสำคัญ ต้องบันทึกภาพและคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ให้ประชาชนได้รับทราบภายใต้กรอบของกฎหมาย ทำอะไรก็ต้องตรงไปตรงมาเพราะมีหลายฝ่ายจับจ้องมองอยู่ ทุกอย่างเป็นไปตามภาพที่ปรากฏเชื่อว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติและชุดปฏิบัติการจับกุมไม่หวั่นไหวกับเหตุดังกล่าว เพราะทราบดีอยู่แล้วว่าจะได้รับแรงกระทบอะไรกลับมาบ้าง ตำรวจดำเนินการตามกรอบกฎหมาย ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการพูดคุยกับ ผบก. ปปป.แต่อย่างใด

คุณกำลังดู: 30 มี.ค.นัดคดีรัชฎา ฟ้องชัยวัฒน์-ปปป. แกล้งบุกจับรับส่วย

หมวดหมู่: ภูมิภาค

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด