ชิงจับขั้วตั้งรัฐบาล “บิ๊กป้อม” หม่ำข้าวภท. “อนุทิน-ศักดิ์สยาม” ร่วมโต๊ะชื่นมื่น!

“บิ๊กป้อม” เปิดโต๊ะหม่ำข้าว ถก “อนุทิน-ศักดิ์สยาม-ชาดา” ชื่นมื่น หึ่งดีลจับขั้วใหม่ชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล “ประวิตร” บอกกินข้าวกับพวกเดียวกัน เผยสูตรขับเคลื่อนประเทศ ขอเชื่อมอนุรักษนิยมกับประชาธิปไตยเสรีนิยม ลั่นการเมืองต้องไม่มีผู้ชนะเด็ดขาด ไม่มีฝ่ายใดต้องแพ้ราบคาบ กวักมือชวนทุกคนก้าวข้ามไฟขัดแย้ง สอนเชิง “น้องตู่” ไม่เห็นด้วยใช้กำลัง ให้รับฟังคนเห็นต่าง “แรมโบ้” ป้องนายโบ้ย “ธนาธรกับพรรคเห็นต่าง” ชักใบเบื้องหลัง “ป้านา” “โรม” สวนทันควันอย่าเอาวิธีที่ตัวเองชอบมาดิสเครดิตคนอื่น เด็ก พท.ไล่ “ลุงตู่” ไปรักษาอาการไบโพลาร์ อย่ามัวแต่หวงอำนาจ “เศรษฐา” อวยแนวคิด “ประวิตร” นิมิตหมายที่ดี “เสรีรวมไทย” ปฏิรูปกองทัพ ทั้งลดไซส์ ย้ายค่ายทหารพ้น กทม. “สมชัย” จ่อบุก กกต.ยื่นยุบพรรค รทสช.ซัดนายกฯใช้ทรัพยากรรัฐ นั่ง ฮ.และรถหลวงลงพื้นที่ตรวจราชการแฝงหาเสียง
นอกจากพรรคการเมืองต่างเร่งลงพื้นที่เพื่อช่วงชิงฐานเสียงคะแนนนิยมก่อนลงสู่สนามเลือกตั้งในเดือน พ.ค. ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนากยฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เปิดการพูดคุยประสานงาน เพื่อดึงพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มาเป็นแนวร่วมเดินเกมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

“ลุงป้อม” กินข้าว “หนู-โอ๋-ชาดา” ชื่นมื่น
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 มี.ค. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค พร้อมนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ภท.เข้าพบและร่วมทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมพูดคุยกันในหลายๆเรื่อง บรรยากาศพูดคุยเป็นกันเองและชื่นมื่น พล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดี
แฮปปี้กินข้าวกันพวกเดียวกัน
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการทานอาหารกลางวันร่วมกับนายอนุทิน นายศักดิ์สยามและนายชาดาว่า ทานข้าวพูดคุยกันปกติ ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง ส่วนที่กินข้าวกับนายอนุทิน เมื่อกินข้าวด้วยกันก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว ก่อนย้อนถามสื่อว่า ทำไมกินไม่ได้หรือ เมื่อถามว่าได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวย้ำว่า คุยกันกินข้าวอยู่ด้วยกัน เมื่อถามว่ามีข้อสังเกตว่าการไปพูดคุยกันอาจจะเป็นขั้วการเมืองใหม่ ระหว่างพรรค พปชร.กับพรรค ภท. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่รู้ คุณคิดเองทั้งนั้น” เมื่อถามว่ามีนัดหมายที่จะพูดคุยและหลังทานข้าวร่วมกับพรรคการเมืองอื่นอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กิน ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามถึงอาการท้องเสียหายหรือยัง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หายแล้ว
หึ่ง ภท.-พปชร.ล้อมวงดีลขั้วใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงมื้ออาหารกลางวันระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับนายอนุทิน นายศักดิ์สยามและนายชาดา แกนนำหลักพรรค ภท.ครั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น แม้ ครม.เพิ่งจะถอนเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มออกจากที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 14 มี.ค.หลังจากพรรค พปชร.และพรรค ภท.เป็นผู้เสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กระทั่ง นายกฯสั่งให้ถอนวาระดังกล่าวออกไป นอกจากนี้ภายในวงอาหารดังกล่าว ยังมีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง อาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องขั้วใหม่ทางการเมือง รวมถึงนายกฯคนต่อไปจะเป็นใคร โดยจะประเมินหลังเลือกตั้งอีกครั้ง
“ประวิตร” เปิดสูตรขับเคลื่อนประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้า พปชร.โพสต์ข้อความบทสรุป “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ว่า ทีมงานจึงขอให้ใช้วิธีการสื่อสารด้วยเฟซบุ๊กที่อธิบายได้ชัดเจนกว่า หากทำในสิ่งที่ไม่ถนัดคือการให้สัมภาษณ์ อาจถูกตีความหมายผิด ต้องตามแก้ไขภายหลัง และทีมงานได้วิเคราะห์ให้ฟังว่าจดหมายทั้ง 5 ฉบับ ในสังคมไม่มีใครโต้แย้งในสาระสำคัญในเนื้อหา บทสรุปก้าวข้ามความขัดแย้ง เกิดจากแนวคิดฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายประชาธิปไตยเสรีนิยม ที่มีมาอย่างนาน วนเวียนอยู่ในสังคมไทยในปัจจุบัน เมื่อประเทศต้องอยู่ในสถานะที่ผู้ล้มเหลวทั้งสองฝ่าย ต่างผลัดเข้ามาควบคุมอำนาจ อาการหมดสภาพที่จะก้าวต่อไปสู่ความเจริญจึงเกิดขึ้นกับประเทศไทย เพราะนโยบายที่ดีๆของฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไม่ได้รับนำไปใช้ ตนตั้งใจว่าเมื่อ พปชร.เป็นรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกนโยบายดีๆของทุกพรรค เอามาทำและปฏิบัติให้เกิดขึ้นได้จริง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ นี้คือการเมืองที่อยู่ในใจตน การเมืองที่ไม่ต้องมีผู้ชนะเด็ดขาด ไม่มีฝ่ายใดต้องแพ้ราบคาบ
กวักมือทุกคนร่วมก้าวข้ามขัดแย้ง
พล.อ.ประวิตรระบุอีกว่า ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าพูดไม่เก่ง แต่มีหัวใจ หัวใจที่ใหญ่พอยอมรับความแตกต่างทางความคิด เพื่อนำพาให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง วิธีที่คิดไว้คือให้ความเคารพอย่างแท้จริงต่อ ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ด้วยความเชื่อมั่นว่าประเทศจะเดินหน้าไปได้ด้วยการปกครองโดยระบอบประชา ธิปไตยเท่านั้น แต่เป็นประชาธิปไตยที่เปิดกว้างให้คนทุกกลุ่มเข้ามาร่วมมีบทบาท เคารพในเสียงส่วนใหญ่ เปิดใจรับฟังเสียงส่วนน้อยที่มีความรู้ความสามารถด้วยเจตนาดีต่อความเป็นไปของประเทศ อยากจะย้ำขอให้เชื่อตนเหมือนที่ตนเชื่อตัวเองว่าตนทำได้ เพราะหัวใจตนใหญ่พอมาก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกัน เราจะอยู่กับความเห็นต่างที่มีมากด้วยความเห็นชอบ ไม่ใช่เห็นชอบกับสิ่งที่ตนเองคิด จะคอยรับฟังรายงานข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ โดยมีหลักคิดอยู่ในใจว่าปัจจุบันคือแก้ไขในอดีตที่ล้มเหลว เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ดีกว่า 8 ปีที่ผ่านมาสอนให้เรียนรู้ ได้คิดว่า อะไรที่ดีกว่าเดิม เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเป็นสิ่งที่ควรทำและจะต้องทำด้วยวิธีคิดใหม่ๆ เพราะการที่จะคิดอยากได้สิ่งใหม่ๆ โดยใช้วิธีเดิมๆนั้นไม่น่าจะได้ผล ส่วนที่ตนคิดถูกหรือผิด ประชาชนเท่านั้นเป็นผู้ตัดสิน
สอนผู้นำรับฟังไม่เห็นด้วยใช้กำลัง
ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยเข้าล็อกตัว น.ส.วันทนา โอทอง หรือป้านา อายุ 62 ปี จนเกิดความชุลมุน ขณะยืนดักรอพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ว่า คิดว่าบุคคลสาธารณะต้องรับฟังให้มาก โดยเฉพาะความเห็นต่าง ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังหรือการฟ้องร้อง เพียงเพราะเขาคิดไม่เหมือนเรา ปัญหาความแตกแยกของประเทศมีมานานเกินไปแล้ว อยากให้แต่ละฝ่ายรับฟังกันมากขึ้น เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย

“บิ๊กตู่” เปิดแพขนานยนต์ด่านตากใบ
ขณะที่เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางไปท่าอากาศยานนราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.นราธิวาส มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกฯ ร่วมคณะ โดยนายกฯและคณะไปที่วัดเขากง ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส สักการะพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล และกราบนมัสการพระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 ที่ให้พรนายกฯขอให้โชคดี รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อกลับมาเป็นนายกฯ บริหารประเทศเพื่อประชาชนอีกครั้ง โดยนายกฯกล่าวขอบคุณและรับปากจะดูแลประชาชนและบริหารประเทศให้ดีที่สุด จากนั้นไปเป็นประธานพิธีเปิดแพขนานยนต์ลำใหม่ที่ด่านศุลกากรตากใบ ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ รับส่งสินค้า ยานพาหนะและผู้โดยสารข้ามฟากระหว่างด่านศุลกากรตากใบกับด่านศุลกากรบ้านเปิงกาลังกูโบร์ อ.ตุมปัต ประเทศมาเลเซีย
อ้อนห่วงพี่น้อง จชต.เหมือนทุกภาค
ต่อมานายกฯไปที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์พบปะหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาเขตพื้นที่ จ.นราธิวาส พร้อมกล่าวว่า อบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับมาพบปะชาวนราธิวาส เหมือนเป็นครอบครัวที่รักและคิดถึงเสมอมา จ.นราธิวาสเป็นจังหวัดสำคัญบ้านเกิดภริยาตน ขอให้ทุกคนภาคภูมิใจที่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ผ่านมารัฐบาลห่วงใยชีวิตและความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นเดียวกับพี่น้องในภูมิภาคอื่นๆ เดินหน้าแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ รักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อให้พี่น้องประชาชนดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ยืนยันลงพื้นที่ทุกครั้งไม่ได้ต้องการทะเลาะกับใคร แต่ตั้งใจมาพบประชาชนรับฟังปัญหาโดยตรง จากนั้นนายกฯทักทายและถ่ายรูปร่วมกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง ก่อนเดินทางกลับ กทม.
“แรมโบ้” โบ้ยเชื่อมโยงพรรคเห็นต่าง
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายก รัฐมนตรี กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยในการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ของนายกฯวันที่ 17 มี.ค.หลายฝ่ายกังวลจะเกิดเหตุป่วนเหมือนที่ จ.ราชบุรีว่า ตรวจสอบข้อมูลพบผู้ออกมาเคลื่อนไหวที่ จ.ราชบุรี เชื่อมโยงใกล้ชิดกับพรรคหนึ่งที่เห็นต่าง ชัดเจนว่าเคยเดินหาเสียงอยู่กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า มั่นใจว่ามีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง สมควรหรือไม่ที่จะมาแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนี้ เตรียมล่วงหน้ามาสร้างสถานการณ์ ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ แต่ป้องกันและป้องปรามไม่ให้มาก่อกวนการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ หากปล่อยให้เข้ามาขวางรถนายกฯอาจเกิดรุนแรงกว่านี้ หากบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอะไรจะเกิดขึ้น นายกฯถูกประณามอยู่ดี การลงพื้นที่จังหวัดอื่นๆน่าจะไม่เป็นปัญหาออกมาต่อต้านแบบนี้
“โรม” สวนไม่เกี่ยวอะไรกับ “ธนาธร”
ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ดอนเมือง นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค ก.ก. กล่าวถึงนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯและแกนนำ รทสช. ระบุเจ้าหน้าที่ปิดปาก กระชาก น.ส.วันทนา โอทองหรือป้านา ระหว่างนายกฯลงพื้นที่ จ.ราชบุรี เป็นการดิสเครดิต เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้าว่า อย่าเอาวิธีการที่ตัวเองชอบใช้มาดิสเครดิตคนอื่น การที่ประชาชนบางกลุ่มถือป้ายโจมตีแสดงความไม่เห็นด้วย เป็นเสรีภาพการแสดงออกทางการเมือง เป็นวิถีทางประชาธิปไตย จะมีคนชอบหรือไม่ชอบเป็นเรื่องธรรมดา ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของพรรคก.ก. ไม่ได้ทำแบบเดียวกับที่นายเสกสกลชอบใช้และนายธนาธรไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น น.ส.วันทนาจะไปหาเสียงกับใครเป็นสิทธิของเขา
“ทัศนีย์” ไล่นายกฯไปรักษาไบโพลาร์
น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่แสดงออกทางการเมืองที่แตกต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ ภาพจะออกไปทั่วโลก อับอายขายขี้หน้าประชาคมโลก ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เห็นหัวประชาชนที่เดือดร้อนจากการบริหารประเทศของตนเอง ลงพื้นที่แต่ละจังหวัดสร้างปัญหาให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่หนักใจมาก ต้องระดมทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ตั้งแถวรอรับ จัดเตรียมพื้นที่ ขนคนมารอต้อนรับ เป็นเพียงผักชีโรยหน้า พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มรับแต่คำชม ไม่ยอมรับคำตำหนิติเตียน ถ้ามีคนแสดงความคิดเห็นแตกต่างพร้อมใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปกป้องตนเอง กระทำด้วยความรุนแรง ไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ยอมรับความเห็นต่างแสดงออกทางสีหน้าทันที หากมีคนแสดงความเห็นต่างจากตัวเอง พล.อ.ประยุทธ์ควรไปรักษาอาการไบโพลาร์ อย่ามัวแต่หวงอำนาจจนทำร้ายตัวเองต่อไปอีกเลย
“จารุพล” จวกมอง ปชช.ไม่ใช่คน
ร.อ.จารุพล เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่าการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้เห็นต่าง เป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง นี่ขนาดว่าอยู่ในช่วงเลือกตั้ง ยังทำเหมือนประชาชนไม่ใช่คน ทำเหมือนประชาชนเป็นหมูเป็นหมา ไม่ให้เกียรติประชาชนผู้ที่จะเลือกตั้งอยู่ไม่กี่วันข้างหน้านี้ด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มองประชาชนเป็นเจ้านายเลย ท่านต้องเข้าใจให้ได้ว่า ในทางประชาธิปไตย ความแตกต่างและการคิดต่างไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นความสวยงามต่างหาก พรรค พช.ขอประณามการใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พช.อุ้มแรงงานกระตุ้น ศก.ชายแดน
ที่ PC Space พรรคเพื่อชาติ (พช.) อาคารวรรณสรณ์ ย่านสุขุมวิท น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรค พช. และ ร.อ.จารุพล เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรค พช. ต้อนรับและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่ม เครือข่ายภาคประชาชนเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ โดย น.ส.ปวิศรัฐฐ์กล่าวว่า พรรคเพื่อชาติยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชนที่ทุกคนต้องได้รับไม่มีแบ่งแยกเพศ อายุ ความเชื่อ รวมถึงเชื้อชาติ บุคคลไร้สัญชาติต้องได้รับความคุ้มครองและความเป็นธรรมจากรัฐเช่นเดียวกับทุกคนในประเทศ มั่นใจนโยบายกระจายอำนาจบริหารจัดการแรงงานในพื้นที่ชายแดนของพรรคจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต พรรคจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงจังหวัดชายแดน เช่น นายวราทิต ไชยนันทน์ นายพงษ์ศักดิ์ ตระกูลแห ลง จ.ตาก นายอนุพันธ์ หาญประดับทอง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย
“บิ๊กตู่” ส่งตัวแทนอวยพร 67 ปี “อู๊ดด้า”
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งแต่ช่วงเช้ามีคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานในสังกัด พนักงานพรรค ปชป.ร่วมมอบดอกไม้ กระเช้าผลไม้ แสดงความยินดีวันครบรอบวันคล้ายวันเกิด 67 ปี ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. โดยนายจุรินทร์ได้วางพวงมาลัยสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์ ขณะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ส่งนายกองเอก ประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมืองเป็นตัวแทนมอบกระเช้าดอกไม้อวยพร จากนั้นนายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ว่า ขอบคุณทุกคำอวยพรด้วยความจริงใจ ยืนยันว่าจะมุ่งมั่นทุ่มเท เพื่อนำ ปชป.ไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ทั้งนี้ นายกฯยังไม่ส่งสัญญาณยุบสภา แต่ไม่เกินเดือนนี้ การเลือกตั้งคาดว่าไม่เกินเดือน พ.ค. ส่วนนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. ลาออกไปสังกัดพรรค รทสช.ขอไม่พูดถึง เพราะไม่ได้มาลาตน มั่นใจไม่กระทบฐานเสียงภาคเหนือ ไม่ใช่เรื่องใหม่
“วราวุธ” เปิดตัว 3 ทีมเศรษฐกิจ
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรค ชทพ.ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค พร้อมแกนนำพรรค ชทพ.ร่วมกันทำพิธีเปิดตัวนายชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีต ผอ.ธนาคารออมสิน เป็นทีมยุทธศาสตร์เศรษฐกิจพรรค และเปิดตัว 3 ทีมเศรษฐกิจพรรค โดยทีมเศรษฐกิจที่ 1 มีนายวราวุธ เป็นหัวหน้าทีม ทีมที่ 2 เป็นกลุ่มบุคคลที่มาจากสหภาพแรงงานและสหกรณ์ไทย และทีม 3 เป็นทีมยุวชนของพรรค ประกอบด้วยผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆของประเทศ จากนั้นได้แถลงเปิดตัวนายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางนาด้วย
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายวราวุธนำคณะผู้บริหาร ทส.ลงพื้นที่ติดตามและรับฟังแนวทางการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและน้ำทะเลหนุนสูงในพื้นที่เขตบางขุนเทียน กทม.ที่โรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ มีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ประชาชน อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) รวมถึงนายณัฐชา บุญชัยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ส.ส.ในพื้นที่ เข้าร่วม
ยอมรับ ครม.เทกระจาดก่อน ลต.
นายวราวุธให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุม ครม.อนุมัติงบกว่า 1.73 แสนล้านบาท ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเทกระจาดก่อนยุบสภาว่า มองได้หลายมุม อีกมุมเป็นการเร่งให้โครงการต่างๆเกิดขึ้น เพราะจากนี้อีก 4 เดือน ไม่สามารถทำการอะไรได้อาจขาดช่วงกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ แต่โครงการต่างๆหรือแม้แต่การขึ้นเงินเดือน อบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเชื่อว่าท้ายที่สุดจะสะท้อนกลับมาเป็นตัวเงินพัฒนาเศรษฐกิจได้ แต่ใครมองเป็นความได้เปรียบเสียเปรียบของบางพรรคก็เป็นไปได้ ส่วนจะยุบสภาวันที่ 20 มี.ค.หรือยุบวันไหนตอนนี้คงไม่ต่างกันเพราะหาเสียงกันเต็มที่แล้ว
“สมศักดิ์” ย้ายค่ายรับอากาศเปลี่ยน
ที่เรือนจำ จ.พิจิตร นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ไปตรวจเยี่ยมเรือนจำ จ.พิจิตร โดยกล่าวว่า รัฐบาลกำลังจะหมดวาระ คงจะไปอยู่พรรคใหม่ แต่นโยบายต่างๆที่ให้ไว้คงจะดำเนินต่อไป แต่จะไปพรรคไหน วันที่ 17 มี.ค. เวลา 14.00 น. จะจัดแถลงข่าวให้ทราบที่ร้านกินเส้น ย่านสนามบินน้ำ เพราะวันนี้ดิน ฟ้า อากาศเปลี่ยน เราต้องดำเนินการให้เข้ากับสภาพอากาศ ขอให้ทุกท่านรอติดตาม กระแสข่าวการย้ายเข้าพรรคเพื่อไทย ปลายสัปดาห์นี้จะชัดเจน เพราะถ้าจะขยับตัวคงต้องทำความชัดเจนให้ทราบ
“ธนกร” ย้ำสามมิตรผูกพันกันเช่นเดิม
นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ครม.แต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาราชการแทน รมว.อุตสาหกรรม ไม่มีนัยอะไร ฟังข่าวจากสื่อมวลชน ทั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ผู้ใหญ่ที่เคารพ คงไม่ไปก้าวล่วง ความผูกพันไม่เสื่อมคลาย เป็นความสัมพันธ์ที่ยั้งยืน เคารพ แต่เส้นทางการเมืองตนได้รับโอกาสจาก พล.อ.ประยุทธ์มามาก ชีวิตนี้ถือว่าสูงสุดแล้ว เต็มที่กับ พล.อ.ประยุทธ์ทุกเรื่อง
“พิธา” ไม่มีวันจับมือเผด็จการจำแลง
บ่ายวันเดียวกัน ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ดอนเมือง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดประชุมใหญ่พรรคเตรียมพร้อมก่อนยุบสภาฯมีแกนนำพรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เข้าร่วม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหัวหน้าพรรค รทสช. ระบุร่วมรัฐบาลกับพรรค ก.ก.ได้แต่มีเงื่อนไขต้องไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เราไม่มีเจตจำนงรวมกับพรรคทหารจำแลงคือ รทสช. และ พปชร. เพราะทำรัฐประหาร ตอนนี้ยังจะรักษาอำนาจต่อ เป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกัน หัวหน้า พปชร.เสนอตัวเชื่อมประสานฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายเสรีนิยมให้ไปทำนโยบายที่เคยสัญญากับประชาชนไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้วให้เสร็จก่อน เมื่อถามว่าหาก รทสช. และ พปชร.ส่งคนมาเจรจาจะยอมคุยด้วยหรือมีข้อตกลงหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ไม่มีและคงไม่มีวันที่จะได้คุยกัน เราตั้งพรรคมาเพื่อปิดสวิตช์ 3 ป. เปิดแสงสว่างให้ประเทศไทย เลิกแช่แข็งประเทศเพื่อไปสู่อนาคต ส่วนที่พรรค พท.นำ ส.ส.บ้านใหญ่ชลบุรีและกลุ่มสามมิตรไปเข้าร่วม เราไม่ได้ให้ความสนใจ การทำงานกับคนที่อยู่ใน ครม. พล.อ.ประยุทธ์ต้องดูแยกเป็นคนคนไป หากใครที่มาจากพรรคทหารจำแลงน่าจะทำงานด้วยกันยาก

“เศรษฐา-เจ๊แจ๋น” ลุยคลองจั่น
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ลานกีฬาสมาพันธ์แฟลตคลองจั่น เขตบางกะปิ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. นำทีมงานพรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่แฟลตคลองจั่น พบประชาชน ล้อมวงคุยนโยบายด้านกีฬาของพรรค พท. กับตัวแทนสภาเยาวชน 10 เขต ฟังเสียงสะท้อนถาม-ตอบปัญหาด้านการกีฬา นายเศรษฐากล่าวว่า พรรค พท.ตั้งคณะกรรมการด้านกีฬาไว้เป็นการเฉพาะแล้ว เราจะส่งเสริมให้เยาวชนที่มีศักยภาพได้มีโอกาสในการคัดตัวเพื่อสร้างความหวังไปสู่จุดสูงสุด
หยอด “ลุงป้อม” ดีก้าวข้ามขัดแย้ง
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจดหมายระบุก้าวข้ามความขัดแย้งหากได้เป็นรัฐบาล จะนำนโยบายที่ดีของแต่ละพรรคมาขับเคลื่อนว่า ได้ยินคำว่าก้าวข้ามความขัดแย้งก็เป็นนิมิตหมายอันดี ท่านพูดหลายครั้งแล้วเรื่องนี้ พรรค พท.ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เรามีข้อขัดแย้งกับความยากจน ความไม่เสมอภาค และความไม่เท่าเทียม เมื่อถามว่าจะมี ส.ส.จากพรรค พปชร.หลายคนจะย้ายมาอยู่พรรค พท. จะช่วยมาตอกย้ำเรื่อง 310 เสียง ของพรรคหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนคิดว่าขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคเพราะตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย เราใช้นโยบายนำ และเราทำได้จริง แต่เรื่องที่ ส.ส.จากพรรคใดก็ตามหรือแม้กระทั่ง ส.ส.ในพื้นที่ของเราจะช่วยกันไปจนกว่าจะถึงจุดมุ่งหมาย “ยินดีต้อนรับครับ” จากนั้นนายเศรษฐาและสมาชิกพรรค พท.ได้ร่วมเตะฟุตซอลกับเยาวชนกันอย่างคึกคัก
“เสรีรวมไทย” ชู 4 ข้อปฏิรูปกองทัพ
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงถึงนโยบายปฏิรูปการเมือง ชุดที่ 3 ว่า พรรคมีนโยบายปฏิรูปกองทัพ รีดไขมันส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป ทั้งการจัดซื้ออาวุธที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ลดจำนวนนายพล ย้ายกองทัพออกจาก กทม. ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรค สร. กล่าวว่า จะดำเนินการ 4 ข้อคือ 1.การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ผู้ใดใช้กำลังล้มล้างรัฐธรรมนูญ ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นความผิดฐานกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต จะแก้ไขเพิ่มเติมข้อความว่าโดยมิให้คดีมีอายุความและไม่สามารถนิรโทษกรรมได้ ป้องกันคณะรัฐประหารนิรโทษกรรม ล้างความผิดตัวเอง 2.เงินในและนอกงบฯของกองทัพต้องถูกตรวจสอบได้ อาทิ งบฯซื้ออาวุธที่มักตีตราลับ
ลดไซส์กองทัพ ค่ายทหารพ้น กทม.
นายสมชัยกล่าวว่า 3.การลดขนาดกองทัพให้เล็กลง รีดไขมันออก โดยเฉพาะนายพลมีหลายร้อยคนแต่ไม่มีงานทำ จะลดนายพลลง ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ให้สมัครใจแทน ประจำการแค่ 1 ปี จากเดิม 2 ปี กองทัพจะเล็กลง แต่นำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วย การรบขณะนี้ไม่ใช้กำลังพล แต่ใช้โดรนโจมตี 4.ย้ายกองทัพออกจาก กทม.ให้ ทบ.ไปอยู่ จ.ลพบุรี ทร.ไปอยู่สัตหีบ จ.ชลบุรี ทอ.ไปอยู่ตาคลี จ.นครสวรรค์ นำพื้นที่กองทัพใน กทม.ไปทำสวนสาธารณะ แหล่งการเรียนรู้หรือสร้างที่พักให้คนมีรายได้น้อย

“สมชัย”จ่อยื่น กกต.ยุบ รทสช.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ในวันที่ 17 มี.ค.จะไปยื่นเรื่องต่อ กกต.ให้พิจารณาเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ และหัวหน้าพรรค รทสช. กรณีใช้ทรัพยากรรัฐเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมือง ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ทรัพยากรรัฐ ทั้งเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ รถยนต์หลวงลงพื้นที่ตรวจราชการแทบทุกวัน แต่แฝงหาเสียงไปในตัว มีนายพีระพันธุ์จัดตารางภารกิจลงพื้นที่ หากให้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการดำเนินการเช่นนี้ต่อไปตามอำเภอใจคงไม่ถูกต้อง จึงยื่นให้ กกต.ตรวจสอบ มีโทษถึงขั้นยุบพรรค เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 132 ที่ระบุว่า กรณีการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปโดยสุจริต ก่อนการประกาศผลเลือกตั้ง ถ้า กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม กกต.ให้ใบส้มได้ กรณีนี้จะมีผลย้อนหลังไปถึงข้อห้ามต่างๆ ช่วง 180 วันก่อนครบอายุรัฐบาล ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงเลือกตั้งด้วย แม้จะยุบสภาไม่เป็นเหตุให้พ้นผิด เอาผิดได้และถ้าผู้กระทำผิดเป็นกรรมการบริหารพรรคที่รู้เห็นเป็นใจ ไม่ยับยั้ง ให้ กกต.เสนอความเห็นยุบพรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิตส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ทสท.ชวน ปชช.ร่วมลงชื่อแก้ รธน.
ที่พรรคไทยสร้างไทย นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย แถลงข่าวเชิญชวนประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง 50,000 คน ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรค ทสท.เสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯแล้ว รอประชาชนมาร่วมลงชื่อผลักดันร่างกฎหมายให้เดินหน้าต่อ นายโภคินกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมุ่งตอบสนองการสืบทอดอำนาจเผด็จการ เพราะให้อำนาจ ส.ว.แต่งตั้งเลือกนายกฯ และมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาประเทศ ควรเร่งผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค ทสท.จะเปิดโอกาสให้ประชาชนกำหนดอนาคตโดยให้มี ส.ส.ร.จากประชาชนเป็นผู้เขียนและเห็นชอบโดยประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญประชาชนฉบับนี้มุ่งตอบโจทย์ทุกกลุ่ม ไม่ใช่การร่างใหม่ทั้งฉบับ ไม่มีการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 อีกทั้งเมื่อได้ร่างมาแล้วจะทำประชามติในท้ายที่สุดให้รอบคอบ กำจัดจุดอ่อนข้อกังวลต่างๆ ในสังคม ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งร่วมลงชื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค ผ่านระบบเข้าชื่อเสนอกฎหมายของเว็บไซต์รัฐสภาได้ที่ https://dev. parliament.go.th/einitiative/petloginbyshr.aspx
รทสช.-ปชป.-ภท.ส่ง ส.ส.ได้ครบ
วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปจำนวนจังหวัดที่พรรคการเมืองต่างๆส่งผู้สมัครได้ ณ วันที่ 15 มี.ค.66 รวม 88 พรรคพบว่าพรรคที่ส่งผู้สมัครได้ครบ 77 จังหวัด มีเพียง 3 พรรคคือ พรรค รทสช. พรรค ปชป. และพรรค ภท.รองลงมาคือ พรรคเสรีรวมไทย 76 จังหวัด พรรคเพื่อไทย 74 จังหวัด พรรค พปชร. 71 จังหวัด พรรคก้าวไกล 61 จังหวัด พรรคคลองไทย 60 จังหวัด พรรคเศรษฐกิจไทย 53 จังหวัด พรรคไทยสร้างไทย 52 จังหวัด พรรคโอกาสไทย 45 จังหวัด พรรคไทย ภักดี 43 จังหวัด พรรคชาติพัฒนากล้า 40 จังหวัด ส่วนพรรคอื่นๆอีก 75 พรรคยังส่งผู้สมัครได้ไม่ถึง 40 จังหวัด ทุกพรรคยังคงเร่งจัดตั้งสาขาและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด อาจอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 15 วันนับแต่วันจัดตั้งสาขาและแต่งตั้งตัวแทนพรรค การเมืองประจำจังหวัด
ศาลจำคุกม็อบไล่ “บิ๊กตู่” เผารถ ตร. 2 ปี
ที่ศาลอาญาศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีเผารถตำรวจหมายเลขดำ อ.2534/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายศักดิ์ดา อุดมศรี และนายกรรภิรมย์ บุตรโคตร อายุ 22-25 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ฐานร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ กรณีเมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 จำเลยทั้งสองกับพวกอีกประมาณ 600 คน ร่วมกันชุมนุมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระหว่างนั้นได้ร่วมกันวางเพลิงเผารถบรรทุกพ่วงลากจูงยก ทะเบียนตราโล่หมายเลข 06564 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสียหายเป็นเงิน 2.1 ล้านบาทเศษ ศาลพิพากษาให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่โทษหนักสุด จำคุกคนละ 4 ปี จำเลยทั้งสองรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษคนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 2 ปี ออกหมายขังส่งเรือนจำ
คุณกำลังดู: ชิงจับขั้วตั้งรัฐบาล “บิ๊กป้อม” หม่ำข้าวภท. “อนุทิน-ศักดิ์สยาม” ร่วมโต๊ะชื่นมื่น!
หมวดหมู่: การเมือง
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- “ลุงป้อม” ตอบภาพร่วมโต๊ะ “อนุทิน” กินข้าวด้วยกันก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว
- หัวหินเดือด ใช้ปืนยาวติดกล้อง ยิงอดีตนายก อบต.หัวคะแนนพรรคลุงป้อม
- เลือกตั้ง 2566 : พปชร. เปิดตัว “ธีระชัย-ม.ล.กรกสิวัฒน์” เสริมแกร่งทีมเศรษฐกิจ
- "แรมโบ้" แฉ คนป่วน "บิ๊กตู่" ที่บ้านโป่ง โยง "ธนาธร" บอก หลักฐานชัด
- "เศรษฐา" ลุย คลองจั่น ชี้ "ลุงป้อม" พูดก้าวข้ามขัดแย้ง เป็นนิมิตหมายดี