ชิงปาร์ตี้ลิสต์วุ่น โดนข้ามหัว “ตั๊น จิตภัสร์” ส่อลา ปชป. แย่งกันนัวโควตาผู้หญิง

ชิงปาร์ตี้ลิสต์วุ่น โดนข้ามหัว “ตั๊น จิตภัสร์” ส่อลา ปชป. แย่งกันนัวโควตาผู้หญิง

“วิรัช” สารภาพมโนดีลพิเศษ อ้อมแอ้มยกเรื่องอดีตที่ พท.เคยหนุน “ธนาธร” เป็นนายกฯมาฉายซ้ำเผื่อประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ยกโพลทำเองกับมือกลบโพลสำนักอื่น พปชร.-“ลุงป้อม” ไม่ขี้เหร่ ฟุ้งทะลุ 120 ที่นั่ง “ชัยวุฒิ” โวมีกระแสพอตัว “บิ๊กตู่-ประวิตร” สงวนท่าเลี่ยงปะทะ “นายใหญ่” เด็กรามฯบุกจี้ พปชร. ทบทวนตัวผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี “ธนกร” แจงเหตุ “บิ๊กตู่” ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ ปชป.ส่อวงแตกอีก เหตุโควตาหญิงแย่งชิงกันสูง “ตั๊น จิตภัสร์” โพสต์เป็นนัยย้ายพรรค ถูกปาดหน้าลำดับปาร์ตี้ลิสต์ “จุรินทร์” เด้งเชือกยังไม่เห็นโพสต์ ศาลปกครองสูงสุดนัดไต่สวนคำฟ้อง กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งไม่ชอบ ตีตกคำร้องถอน พ.ร.ฎ.ยุบสภา กลุ่มราษฎรปลุกคนรุ่นใหม่ร่วมจับตาเลือกตั้ง ประกาศตัดหางพรรคที่จะจับมือกับ 3 ลุง จตช.สอบตำรวจออกหมายจับ “อุปกิต” “โรม” โวยไม่แจ้งข้อหาค้ายา ศาลสั่งขัง 13 กปปส.ขวางเลือกตั้ง 56

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รับสารภาพหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาตอกกลับว่าไม่เคยมีดีลพิเศษเจรจายกเก้าอี้นายกฯให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. อ้อมแอ้มว่าเป็นการยกเรื่องในอดีตสมัยเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มาพูด

เมินวิเคราะห์ “ทักษิณ” กลับไทย

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 28 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีรัฐมนตรีอาจลาประชุม ครม. ไปลงพื้นที่หาเสียงว่า ถ้าองค์ประชุม ครม.ครบก็ประชุมได้ ภาระแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะไม่เกิดช่องโหว่ ตนนั่งหัวโต๊ะอยู่ก็ต้องทำให้มันครบ เมื่อถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าจะลายาว 1 เดือน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่มี ไม่เห็นลาเลย ลาเป็นครั้งเป็นคราวก็แล้วกัน เมื่อถามว่านายกฯจะลาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ถ้าจำเป็นก็ต้องลาบ้าง มันคนละบทบาท เมื่อถามถึงเหตุผลไม่ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค รทสช. เพราะอะไร พล.อ.ประยุทธ์ได้แต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมชี้แจง เมื่อถามว่านักวิชาการวิเคราะห์ว่าหากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับเมืองไทยแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง นายกฯตอบว่า “ก็ว่าไป”

“บิ๊กตู่” จ้องจับตารัฐบาลใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ครม. มีการหยิบยกปัญหาต่างๆขึ้นมาหารือ ทั้งเรื่องค่าไฟฟ้าที่สูงในปัจจุบัน ปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดย พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ที่ผ่านมาพวกเราทำให้หมด อะไรที่ทำได้ก็พยายามทำให้เต็มที่ ใครมาเป็นรัฐบาลหน้าก็ฝากด้วย จะเป็นหนึ่งในผู้ติดตามดูผลงาน นอกจากนี้ยังกำชับข้าราชการว่าการใช้จ่ายงบประมาณต้องสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ห้ามโกง เพราะมีหน่วยงานคอยตรวจสอบอยู่ อย่างไรก็ตาม การประชุม ครม.นัดหน้า ตรงกับวันที่ 4 เม.ย. วันเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ทำให้บรรดาข้าราชการเอ่ยปากสอบถามกันว่า จะมีการประชุมหรือจะเลื่อนไป เพราะรัฐมนตรีหลายคนต้องไปสมัครด้วย

“ประวิตร” เลี่ยงปะทะ “นายใหญ่”

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พยายามหลีกเลี่ยงการตอบคำถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตอบโต้ว่าพรรคเพื่อไทยไม่โง่จะมอบตำแหน่งนายกฯให้กับคนอื่น โดยตอบสั้นๆว่า “ตอบไปแล้ว” เมื่อถามย้ำว่าที่ตอบไปแล้วหมายถึงว่าจะไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนจะขึ้นรถเดินทางกลับทันที

“วิรัช” ไม่ตอบโต้รอดู 14 พ.ค.

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องที่พูดพาดพิงถึงนายทักษิณ สืบเนื่องจากไปออกรายการทีวีช่องหนึ่ง พูดถึงอดีตการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นนายกฯแข่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งที่ขณะนั้นเพื่อไทยมีแคนดิเดตนายกฯ เป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ จึงย้ำไปว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยได้ เมื่อถามถึงประเด็นนายทักษิณตอบโต้เรื่องยกเก้าอี้นายกฯให้ พล.อ.ประวิตร นายวิรัชตอบว่า ขอไม่ตอบเรื่องดังกล่าว รอหลังวันที่ 14 พ.ค. รอดูตัวเลขจะเป็นคำตอบที่ชัดเจน ส่วนกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่าตนฝันกลางวันนั้น ไม่ได้ฝันแต่อยู่ในเหตุผลของความเป็นจริง ตัวเลขโพลจากบางหน่วยงานที่ทำออกมา ประเมินได้ว่า พปชร.จะมีเท่าไหร่ ส่วนโพลต่างๆที่ออกมามองว่าคลาดเคลื่อนเยอะ ยืนยันวันนี้เรามีตัวเลขจริงคือได้เกือบ 100 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อประมาณ 20 คน ไม่มีแลนด์สไลด์

ย้ำอีก พปชร.ไม่ขัดแย้งใคร

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า พรรคมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่อยากตอบโต้เรื่องของนายทักษิณ การทำงานการเมืองทำไปตามสถานการณ์ บางครั้งไม่ได้ฉลาดทุกครั้ง เมื่อถามว่าถูกปรามาสแบบนี้ต้องไปเจอกันหลังเลือกตั้งเลยหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า การเลือกตั้งเป็นเรื่องของประชาชน ในสนามเราสู้กันเต็มที่ ไม่มีมาจับมือกันหรือมาตกลงกันว่าใครจะเป็นรัฐบาลหรือนายกฯ เมื่อถามว่าการที่เขาไม่จับมือกับ พปชร.ตอนนี้ เพราะกลัวเสียคะแนนหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามเขา แต่ละพรรคมีแนวคิดของตัวเอง ไปตอบแทนไม่ได้ ยืนยัน พปชร.ไม่ขัดแย้งกับใคร

ยกโพลทำกับมือ “ลุงป้อม” ไม่ขี้เหร่

นายชัยวุฒิกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีความประนีประนอมสูง มีเหตุมีผล คุยกันดีๆ แล้วกัน อย่าเอาเรื่องการเมืองหรือความขัดแย้งทางการเมือง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฉันจะไม่ร่วมกับเธอ เธอจะไม่ร่วมกับฉัน ฉันไม่ชอบหน้าเธอ มันไม่ใช่บรรยากาศในตอนนี้ ช่วงนี้ต่างคนต่างหาเสียง ประชาชนก็เลือก ประเทศเดินหน้าไปได้ ถ้ามัวแบ่งฝ่ายกันไม่เอาคนนั้นไม่เอาคนนี้ ประชาชนจะอยู่อย่างไร หมดเวลาที่จะทะเลาะกัน ส่วนกรณีนิด้าโพลและหลายโพลที่ไม่มีชื่อ พล.อ.ประวิตรติดกระแสความนิยมนั้น ไม่รู้ว่าวิธีการทำโพลเป็นอย่างไร แต่ พปชร.ทำโพลของตัวเองอยู่ เชื่อว่าเรามีคะแนนนิยมพอสมควร แม้ไม่ได้เป็นอันดับต้นๆ พล.อ.ประวิตรเพิ่งเปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ

เด็กรามฯจี้ทบทวนผู้สมัครราชบุรี

เวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มนักศึกษารามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยจำนวน 5 คน นำโดยนายศุกลวัฒน์ ธนาสิริกุลพงษ์ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. ขอให้ทบทวนรายชื่อนายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี เขต 3 ที่มีภาพปรากฏผ่านสื่อต่างๆ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเล่นพนันในอาคารรัฐสภา มีนายทศพล เพ็งส้ม คณะทำงานกฎหมายพรรค พปชร. เป็นตัวแทนรับเรื่อง นายศุกลวัฒน์กล่าวว่า ขอให้ พล.อ.ประวิตรทบทวนการส่งนายชัยทิพย์เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี ในนามพรรค พปชร. เพราะพฤติกรรมเล่นการพนันถือเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อกฎหมาย รวมถึงจริยธรรมของ ส.ส. แต่เมื่อทราบจากข่าวว่าพรรคจะส่งผู้สมัครคนดังกล่าวลงสมัครจึงมายื่น เพราะเห็นว่าพรรคควรพิจารณาบุคคลที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน การมายื่นหนังสือครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของพวกเรา ไม่เกี่ยวกับบุคคลใด

ส่ง “ป้อม” บัญชีนายกฯหนึ่งเดียว

ต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณารายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า มติที่ประชุมเสนอ พล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จากลำดับที่ 18 มาเป็นลำดับที่ 12 สลับกับนายอภิชัย เตชะอุบล เหตุผลที่เปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม

นายรงค์ บุญสวยขวัญ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช กก.บห.พรรค กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรพูดกลางที่ประชุมว่า จะทำเต็มที่ทุ่มเต็มที่ จากเดิมตั้งเป้า ส.ส.เขตไว้ที่ 70 คน ขอเป็น 100 คน ไม่ได้สนใจปาร์ตี้ลิสต์

“อนุทิน” นิ่งงดพาดพิงนายเก่า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ระบุเตรียมกลับประเทศเป็นการเรียกคะแนนสงสารหรือไม่ว่าเกี่ยวอะไรกับตน หากทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ทุกคนทำได้หมด เราไม่เคยห้ามคนไทยคนไหนเข้าประเทศ เรามีกรอบกฎหมาย ใครอยู่ในเงื่อนไขไหนก็ปฏิบัติตาม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร เมื่อถามถึงผลโพลที่มีขึ้นมีลง นายอนุทินตอบว่า โพลก็ถือเป็นตัวชี้วัด แต่ละโพลที่แตกต่างกันเราสามารถนำมาพิจารณาและแก้ไขประเมินความน่าจะเป็นไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องวิตกกังวล พรรคเองก็ทำโพลในพื้นที่ด้วย เมื่อถามว่าจะรับมือกับนายชูวิทย์กมลวิศิษฎ์ อย่างไร นายอนุทินตอบว่า โพลของพรรคที่ทำมาขึ้นทุกสัปดาห์ก็โอเคดี

ลาราชการลุยหาเสียงช่วง เม.ย.

เมื่อถามถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่า รัฐมนตรีสามารถลาราชการหาเสียงได้แบบไม่จำกัด นายอนุทินกล่าวว่า ต้องหารือก่อนว่าในฐานะรองนายกฯ และรัฐมนตรีรักษาการ จะปฏิบัติตัวอย่างไรเรื่องการลา หากสามารถลาราชการได้ทั้งเดือนถือเป็นเรื่องดี ที่จริงการทำงานมีการประสานกับข้าราชการประจำตลอด อยู่ที่ไหนสามารถทำงานได้หมด ใช้ระบบออนไลน์ และการลาต้องทำถูกต้องเพื่อไม่ให้มีปัญหาวันหน้า แต่ยังมาประชุม ครม.ตามปกติ เราต้องรับผิดชอบในภารกิจแม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการ จะมีการหารือกับนายกฯด้วย ในเรื่องการลาราชการ ซึ่งตนเตรียมลาราชการในเดือน เม.ย.นี้ เพราะหากไม่ลาและใช้เวลาราชการไปหาเสียง อาจมีประเด็นเกิดขึ้น อาจไม่ใช่เรื่องผิดแต่ต้องมานั่งแก้ตัว เมื่อถามว่ารัฐมนตรีที่ลาราชการจะรับเงินเดือนด้วยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า มันเป็นสิทธิ์ การลาไม่ได้หมายความว่าไม่ทำงาน ส่วนวันที่ 4 เม.ย. วันเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ตรงกับวันประชุม ครม. จะมีการเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงเวลาการประชุมหรือไม่นั้น ยังไม่ได้รับคำตอบ หรืออาจจะลาการประชุมคณะรัฐมนตรี

“อนุชา” ลั่น รทสช. มีดีกว่าที่เห็น

นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า จะลงสมัคร ส.ส.เขต ทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่ได้มีปัญหา เมื่อถามว่าหลายพรรคจัดเวทีปราศรัยหาเสียงคึกคัก แต่ดูเหมือนพรรค รทสช.มีอยู่ไม่กี่เวที กลัวหรือไม่ว่าจะมีเวทีชี้แจงนโยบายไม่มากพอ นายอนุชาตอบว่า ไม่กลัว เดี๋ยวรอดูมีดีแน่นอน เมื่อถามว่า มีโอกาสพูดคุยกับแกนนำกลุ่มสามมิตร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.อุตสาหกรรม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม หลังย้ายไปเพื่อไทยบ้างหรือไม่ นายอนุชาตอบว่า ไม่มีการพูดคุยกัน

แจงเหตุ “บิ๊กตู่” ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรค รทสช. กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นประธานกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์พรรคอยู่ ทุกอย่างที่เป็น รทสช.คือ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อถามว่าศักดิ์ศรีนายกฯ ควรเป็น ส.ส.หรือไม่ นายธนกรตอบว่า ไม่จำเป็น อยู่ที่มุมมอง เป็น ส.ส.หรือไม่เป็นก็มาจากประชาชน คนที่เลือก รทสช.ส่วนหนึ่งเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อถามว่ามีเหตุผลใดที่ส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ 2 คน นายธนกรตอบว่า ไม่มีอะไร เสนอ 2 คนเป็นความเหมาะสมลงตัวที่สุด นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. เป็นคนมีความรู้ความสามารถ ทั้ง 2 คนคล้ายกันมากในหลายเรื่อง ส่วนกระแสแลนด์สไลด์ของเพื่อไทยเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากเป็น รทสช.อาจแลนด์สไลด์ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช

“ตั๊น จิตภัสร์” โพสต์ส่อย้ายพรรค

ขณะที่ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กลักษณะมีนัยสะท้อนถึงปัญหาภายในพรรคว่า “อยู่ที่ไหนก็ได้ ที่เค้าเห็นคุณค่าและผลงานของเรา 13 ปี กับพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่อายุ 25 ปี ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก รู้สึกเสมอมาว่าเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ลงในนามพรรค เป็นพรรคที่สอดคล้องกับอุดมการณ์เพื่อพี่น้องประชาชนตามความตั้งใจตั้งแต่เด็ก วันนี้ตั๊นไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องเป็นบ้านหลังไหน ขอเพียงมีอุดมการณ์เดียวกัน และให้โอกาสเราได้ทำงาน เพราะตั๊นยังยึดมั่นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ตลอดระยะ 13 ปีบนเส้นทางการเมือง ได้มีโอกาสไป 76 จังหวัด ได้รับฟังปัญหา หาทางแก้ไขประสานงานเพื่อพี่น้องประชาชนมาตลอด มีโอกาสทำงานกับผู้หลักผู้ใหญ่มากประสบการณ์ ทั้งเรียนรู้และปฏิบัติเอง นี่คือเส้นทางที่เราเลือกแล้ว เส้นทางการเมืองนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ นามสกุลก็เปลี่ยนมาแล้ว ผ่านมาทุกรูปแบบ งานในสภาทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าเราจะอยู่จุดไหน ตั๊นก็ขอทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติตลอดไป”

“จุรินทร์” เด้งเชือกยังไม่เห็นโพสต์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นสิ่งที่ น.ส.จิตภัสร์โพสต์ไป แต่เขาขอลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อถามว่า น.ส.จิตภัสร์เคยมาพูดคุยเรื่องลำดับในบัญชีรายชื่อบ้างหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่เคยคุยกัน พรรคดูแลทุกคนด้วยความเป็นธรรมและเหมาะสม รายชื่อทั้งหมดต้องผ่านกรรมการบริหารพรรคที่จะประชุมในวันที่ 29 มี.ค.นี้ เมื่อถามว่าใช้หลักเกณฑ์ใดจัดลำดับ นายจุรินทร์ตอบว่า มีหลักเกณฑ์ที่ใช้ปฏิบัติกันมาทุกสมัย เป็นไปตามข้อบังคับพรรค เรามีบุคลากรหลายคนที่มีศักยภาพ มีความรู้ความสามารถ มีความอาวุโส รวมถึงมีคนรุ่นใหม่ ต้องผสมกันไปให้ออกมาดีที่สุดสำหรับพรรค หลังประชุม กก.บห.พรรคแล้ว จะทราบว่าใน 100 รายชื่อมีใครบ้าง

เปิดสาเหตุตัดพ้อถูกข้ามหัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ น.ส.จิตภัสร์โพสต์ตัดพ้อดังกล่าว มาจากการจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีทั้งกลุ่มนักการเมือง นักวิชาการ รวมทั้งกลุ่มทุนที่เข้ามาใหม่ โดยผู้บริหารที่กุมอำนาจในพรรคให้เครดิตมากกว่า ส.ส. หรือสมาชิกพรรคดั้งเดิมที่เป็นลูกหม้อ ทั้งที่ตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคจะยึดหลักอาวุโสทำงานให้พรรคในสภาและภาคสังคมก่อน พร้อมกับแบ่งสัดส่วนให้สิทธิสตรีในสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อทุก 5 คน ต้องมีผู้สมัคร ส.ส.หญิง 1 คน ทั้งนี้แกนนำพรรควิเคราะห์ว่าผู้ที่อยู่ในลำดับที่ 1-10 อยู่ในสถานะที่ปลอดภัยได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อค่อนข้างแน่ ส่วนผู้ที่อยู่เกินจากนั้นเสี่ยงจะไม่ได้เป็น ส.ส.

ส.ส.หญิงชิงลำดับที่ปลอดภัย

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหญิง ที่แจ้งความประสงค์จะลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหญิง คือคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาฯ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล อยู่ในกลุ่มนายจุรินทร์ น.ส.วทันยา บุนนาค มีนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคสนับสนุน ส่วน น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค สนับสนุน หากยึดหลักการจัดวางลำดับ 1-4 เป็นผู้ชาย อันดับ 5 จะเป็นคุณหญิงกัลยา ลำดับที่ 6-9 เป็นผู้สมัครชาย แต่ในลำดับที่ 10 ซึ่งเป็นพื้นที่เซฟโซนกลายเป็นการชิงกันของว่าที่ผู้สมัครหญิงถึง 4 คน คือนางมัลลิกา น.ส.วทันยา น.ส.รัชดา และ น.ส.จิตภัสร์ เมื่อทราบว่าผู้บริหารพรรคไม่ชัดเจนกับหลักเกณฑ์ที่ยึดปฏิบัติมา จึงเป็นที่มาของการโพสต์ดังกล่าว

สามมิตรโชว์เวทีแรกที่ปากน้ำ

ที่ลานหน้าศาลากลาง จ.สมุทรปราการ เวลา 17.30 น. พรรคเพื่อไทยจัดเวทีปราศรัยใหญ่ “สมุทรปราการคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แกนนำพรรค โดยเฉพาะนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่เพิ่งย้ายเข้ามาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยเป็นครั้งแรก มีประชาชนสวมเสื้อสีแดงทยอยร่วมรับฟังการปราศรัยไม่ขาดสาย ทำให้บริเวณลานศาลากลางแน่นไปด้วยผู้คน นพ.ชลน่านปราศรัยว่า ถ้าเราไม่คิดใหญ่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จะกลับไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพวก ต้องไม่มีคำว่ารักพี่เสียดายน้อง ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง

น.ส.แพทองธารปราศรัยว่า วันนี้ถึงกายจะ 50:50 แต่ใจเกินร้อยแน่นอน ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย จ.สมุทรปราการทั้ง 8 เขต ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ปี 2567 ค่าแรงปรับขึ้นแน่ ภายใน 4 ปีค่าแรงจะปรับขึ้นเป็น 600 บาทแน่นอน และเรายังมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมากมาย

พท.ฟื้น 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ

ที่พรรคเพื่อไทย นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานที่ปรึกษานโยบายกีฬาพรรคเพื่อไทย แถลงนโยบาย 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัสว่า ปัจจุบันวงการกีฬาไทยเผชิญยุคมืด อยู่ในจุดตกต่ำ เพราะขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ เดิมนโยบาย 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร มอบให้กระทรวงการคลังกําหนดนโยบายให้รัฐวิสาหกิจที่มีผลประกอบการดี สนับสนุนงบประมาณให้กีฬาที่มีความหวังสร้างผลงานในระดับนานาชาติต่อเนื่อง แต่หลังรัฐประหารปี 2549 สมาคมกีฬาต่างๆถูกยกเลิก การสนับสนุน ทำให้โครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจถูกล้มเลิก แม้ภาครัฐจะมีงบประมาณจากการกีฬา แห่งประเทศไทย (กกท.) และกองทุนพัฒนากีฬา แต่งบประมาณมีขีดจำกัด ทําให้สมาคมกีฬาไม่สามารถวางแผนระยะยาวได้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบาย 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัส เพื่อผลักดันให้รัฐวิสาหกิจรวมถึงหน่วยงานรัฐอื่นที่มีกำไรสุทธิแต่ละปีมากพอ อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีกำไรในปี 2565 ถึง 11,093 ล้านบาท เพื่อเป้าหมายให้กีฬาต่างๆสร้างชื่อเสียงให้ประเทศในระดับนานาชาติ อาทิ ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ โอลิมปิก เพื่อฟื้นฟูยุคทองกีฬาไทยกลับมาอีกครั้ง ภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย

“เจ๊หน่อย” อาสาเป็นทางรอด

ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน ถนนกำแพงเพชร พรรคไทยสร้างไทยจัดประชุมปฐมนิเทศว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ผอ.สำนักงานปราบโกง คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ นำพาประเทศออกจากสงครามแย่งอำนาจการเมือง 2 ขั้วกว่า 17 ปี จนประเทศเดินต่อไปไม่ได้ มีความ เสี่ยงสูงจะเป็น LAST WAR และเป็นจุดเริ่มต้นของ “สงครามการเมือง” ครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ไม่ว่าฝ่ายใดใน 2 ขั้วชนะ ประชาชนจะเป็น “ผู้แพ้” อีกครั้ง เราขอเป็นทางรอดประเทศ เพื่อนำชัยชนะมาสู่ประชาชน ไม่สนับสนุนเผด็จการอย่างเด็ดขาด และไม่สนับสนุนการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว

ราษฎรปลุก “โหวตเพื่อเปลี่ยน”

ช่วงบ่ายที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว เครือข่ายม็อบราษฎร นำโดย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล นายรัฐภูมิ เลิศไพจิตร น.ส.เบญจา อะปัญ น.ส.กัลยกร สุนทรพฤกษ์ ร่วมกันแถลงการณ์จัดแคมเปญ “โหวตเพื่อเปลี่ยน” ว่า ขอเชิญชวนประชาชนคนรุ่นใหม่ที่สนใจเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครจับตาการเลือกตั้ง 1 แสนคน เพื่อสังเกตการณ์และรายงานผลการนับคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งให้เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขอชวนประชาชนใช้ปากกาเป็นอาวุธ นำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงผ่านการเลือกตั้ง ด้วยการไม่เลือกพรรคที่จับมือกับ 3 ทรราช หรือพรรคที่เคยช่วยเผด็จการสืบทอดอำนาจ เลือกพรรคที่มีนโยบายสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของกลุ่มราษฎร ยกเลิก 112 ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม นิรโทษกรรม ผู้ต้องหาคดีตั้งแต่ปี 57 ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปเศรษฐกิจป้องกันทุนนิยมผูกขาด ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ ฯลฯ

“พิธา” นำ “เท่าพิภพ” ลุยฝั่งธนฯ

ช่วงเย็นที่ย่านฝั่งธนบุรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 24 พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หาเสียงฝั่งธนบุรีหลายจุด อาทิ ตลาดครอบครัวท่าพระ 1 รัชดา ตลาดกระต่ายมั่งคั่ง ตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ มีประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น นายพิธากล่าวถึงกระแสความนิยมใน กทม.ว่า ยิ่งใกล้เลือกตั้งยิ่งทำงานหนักกว่าเดิม เชื่อว่าผลงานในสภาฯตลอด 4 ปี ก้าวไกลมีความแตกต่าง ซื่อตรงต่อประชาชน กล้าคิด กล้าทำ กล้าดันเพดานของสังคมเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเต็มศักยภาพแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แคนดิเดตนายกฯของพรรคมีเพียงคนเดียว เราตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซับซ้อน และพรรคสนับสนุนว่านายกฯควรเป็น ส.ส.

นายเท่าพิภพกล่าวว่า จากผลงานที่พิสูจน์มาแล้วตลอด 4 ปี ไม่ใช่กระแสที่ฉาบฉวย แต่เป็นผลงานรูปธรรม ส่วนที่มีบางกระแสบอกว่าเลือกก้าวไกลไปก็แพ้นั้น ยืนยันทุกคะแนนที่เลือกเราจะไม่เสียของ

ศาล ปค.ตีตกคำร้องถอนยุบสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณากรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร. ยื่นฟ้องนายกฯ กระทำการโดยไม่สุจริตใช้ดุลพินิจยุบสภาโดยไม่ชอบ ขอให้คำสั่งระงับไม่ให้ พ.ร.ฎ.ยุบสภามีผลใช้บังคับเป็นการชั่วคราว และเพิกถอนพ.ร.ฎ.ยุบสภาโดยศาลให้เหตุผลว่า พ.ร.ฎ.ยุบสภาดังกล่าวไม่ใช่ พ.ร.ฎ.ตามนัยมาตรา 11 (2) แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาปกครอง 2542 คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย พ.ร.ฎ.ยุบสภาไม่อยู่ในอำนาจที่ศาลปกครองจะพิจารณาพิพากษาคดีดังที่ศาลปกครองสูงสุดได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วในหลายคดี และคำขอของนายเรืองไกรอยู่นอกเหนืออำนาจของศาลปกครอง มีคำสั่งไม่รับคำร้อง และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

นัดไต่สวนคำฟ้อง กกต.แบ่งเขต

ทั้งนี้วันที่ 30 มี.ค. เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดนัดไต่สวนใน 3 คดี ที่มีผู้ยื่นฟ้องขอเพิกถอนประกาศ กกต. เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้ง คดีแรก เป็นคดีที่นายอรรถวิชช์สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าเป็นผู้ยื่นฟ้อง คดีที่ 2 เป็นคดีที่นายพัฒ ตั้งเบญจผล ผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุโขทัย พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ยื่นฟ้อง คดีที่ 3 เป็นคดีที่นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เป็นผู้ฟ้อง และคดีที่ 4 เป็นคดีที่นายพัฒนา สัพโส ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เป็นผู้ฟ้อง โดยมีการกล่าวหา กกต.ไม่ยึดถือตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นธรรมต่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง

“อุปกิต” มอบตัวสู้คดีฟอกเงิน

วันเดียวกัน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้รับ แจ้งจากนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 มี.ค.นายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว.ได้เข้าพบ ผบก.ปส.3 บช.ปส.พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบที่อัยการสูงสุดมอบหมายร่วมกับอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด รับทราบข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ สมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เมื่อเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเอง ทั้งที่ยังไม่มีหมายจับหรือหมายเรียกถือว่ามีเจตนาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่จำเป็นต้องควบคุมตัว ไม่ต้องประกันตัว โดยนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 17 เม.ย.คดีนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มี แต่หากพบว่ามีความผิด โทษจะเป็น 2 เท่า เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว. ส่วนกรณีก่อนหน้านี้ที่พนักงานสอบสวนขอศาลอนุมัติออกหมายจับ ส.ว.อุปกิต แต่ขณะนั้นศาลมีความเห็นให้ออกเป็นหมายเรียกนั้น ไม่สามารถพูดในกรณีนี้ได้

จตช.สอบตำรวจปมหมายจับ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ที่ถูกนายอุปกิตยื่นฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง กรณีออกหมายจับโดยมิชอบ เดินทางเข้าพบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจแห่งชาติ ที่มี พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช. เป็นประธาน พล.ต.อ.วิสนุเปิดเผยว่า เรียก พ.ต.ท.มานะพงษ์มาสอบถามข้อเท็จจริงตามคำสั่งของ ผบ.ตร. ที่ให้ตรวจสอบขั้นตอนการสอบสวนคดีตั้งแต่ต้นจนถึงกระบวนการขอออกหมายจับและเพิกถอนหมายจับนายอุปกิตว่า ทำถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนของ ตร.หรือไม่ ไม่ใช่มุ่งเอาผิดผู้ใด และจะไม่ก้าวล่วงไปถึงอำนาจศาล โดยจะเรียกสอบสวนเพียง ผบก.ปส. 3 และ พ.ต.ท.มานะพงษ์เท่านั้น ในส่วนของตำรวจ ปส.3 ได้เข้ามาให้ข้อมูลแล้ว หากตรวจสอบแล้วพบว่าการกระทำของ พ.ต.ท.มานะพงษ์เป็นตัวอย่างที่ดีต้องยกย่องชื่นชม

ปส.3 ยันเร่งสรุปสำนวนเร็วที่สุด

ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. เปิดเผยคดีนายอุปกิต ขั้นตอนหลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการทำงานร่วมกับอัยการสูงสุด ตำรวจ ปส.จะรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการให้เร็วที่สุดให้อัยการพิจารณาสมควรสั่งฟ้องหรือไม่ ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ ขึ้นอยู่ว่าพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครก็จะดำเนินตามกฎหมาย ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจากการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดนายทุนมินลัต มีการออกหมายจับ 10 หมายจับ เป็นบุคคล 7 คน และนิติบุคคล 3 หมาย เบื้องต้นสามารถจับกุมผู้ต้องหา และสั่งฟ้องไปแล้ว 4 คน หลบหนีอยู่ต่างประเทศ 2 คน แต่ปัจจุบันเหลือ 9 หมายจับ เนื่องจากมีการถอดหมายจับของนายอุปกิต เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 27 มี.ค.

“โรม” โวยไม่แจ้งข้อหาค้ายา

นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีนายอุปกิต ปาจารียางกูร ส.ว. เข้ามอบตัวสู้คดีว่า แม้จะคืบหน้าแต่ไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างถึงที่สุด ข้อหาที่ ส.ว.อุปกิตควรได้รับจริงๆ คือข้อหาเดียวกันกับที่นายทุนมินลัตและพวกถูกแจ้งไป ก่อนหน้านี้ คาดหวังว่าอัยการสูงสุดต้องมีคำสั่งให้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายอุปกิต ในข้อหาสมคบกันค้ายาเสพติดและสนับสนุนช่วยเหลือเพื่อให้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีอัตราโทษคนละอย่างกับข้อหาที่แจ้งไป 3 ข้อหา ทั้งนี้ในส่วนคดีสมคบกันฟอกเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คาดหวังว่าจะดำเนินคดีอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไม่ต้องบ่ายเบี่ยงอีกต่อไป บัดนี้ได้มีการแจ้งข้อหาสมคบกันฟอกเงินไปแล้ว ขอให้ ปปง.ทำหน้าที่ยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

“แอมเนสตี้” จี้ รบ.เลิกฟ้องม็อบ

ที่โรงแรม เดอะสุโกศล กรุงเทพฯ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จัดแถลงรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนโลกประจำปี 2565/66 ระบุว่า สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ตลอดทั้งปี 2565 พบความก้าวหน้าในความพยายามพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลไทย รวมทั้งการประกาศใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และเสนอแนะต่อรัฐบาลไทย ขอให้ยกเลิกข้อกล่าวหาสั่งไม่ฟ้องคดี และงดดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วงโดยสงบ แก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมายที่ถูกนำมาใช้เพื่อปราบปรามผู้ใช้สิทธิในเสรีภาพ ให้ปล่อยตัวนักโทษทางความคิดทุกคนโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข เป็นต้น

สั่งขัง 13 กปปส.ขวาง ลต.65

ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายชานนท์ ขันทอง กับพวกรวม 13 คน มวลชน กปปส.เป็นจำเลยกรณีวันที่ 26 ธ.ค.56 ร่วมกันก่อเหตุปิดล้อมศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ขัดขวางมิให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ศาลพิเคราะห์แล้วจำเลยทั้ง 13 คน มีความผิด ให้จำคุกคนละ 2 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 เป็น 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 1-9 และที่ 11-13 ให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์พิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสี่ จำเลยที่ 10 รับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3-9 และที่ 11-13 คนละ 18 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2/24 เดือน จำเลยที่ 10/16 เดือน พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลยทั้ง 13 บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 4 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอื่นอีก 2 คดีรวม 6 เดือน เป็นจำคุก 24 เดือน บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 5 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอื่น 1 เดือนเป็นจำคุก 19 เดือน ให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุก ในคดีอาญาหมายเลขแดงของศาลจังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา จากนั้นศาลออกหมายขังเข้าเรือนจำไป

จำคุก “ชาติชาย แกดำ” 1 ปี 12 ด.

อีกคดีศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายชาติชาย แกดำ (จำเลยที่ 15) กับพวกรวม 15 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2564 ร่วมชุมนุมกลุ่มรีเดม เรียกร้องให้ศาลให้ประกันตัวนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ กับพวกรวม 7 คน ฐานดูหมิ่นสถาบัน โดยพวกจำเลยกล่าวโจมตีดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา ย้ายแท่นแบริเออร์บริเวณเกาะกลางถนนเพื่อเปิดจุดกลับรถหน้าศาลอาญา ชุมนุมจนเต็มพื้นที่ถนน ใช้ไข่ไก่ มะเขือเทศ ของเหลวสีแดง สาดใส่ป้ายสำนักงานศาลยุติธรรม และป้ายศาลอาญา จนเสียหาย เปรอะเปื้อน จำเลยที่ 1-2 กับพวกรวม 50 คน ต่อสู้ขัดขวางตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว ในส่วนของจำเลยที่ 1, 2 พยานโจทก์ที่นำสืบมามีความสงสัยตามสมควรจึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 1, 2 รวมจำคุกจำเลยที่ 3-14 คนละ 3 ปี ปรับคนละ 33,300 บาท โดยให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ให้คุมประพฤติและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ 12 ชั่วโมง ส่วนจำเลยที่ 15 ทางนำสืบเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษกระทงละหนึ่งในสาม รวมโทษจำคุก 1 ปี 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และปรับ 2,200 บาท และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-2 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

คุณกำลังดู: ชิงปาร์ตี้ลิสต์วุ่น โดนข้ามหัว “ตั๊น จิตภัสร์” ส่อลา ปชป. แย่งกันนัวโควตาผู้หญิง

หมวดหมู่: การเมือง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด