ดาราสาวไต้หวันซัดโดนยัดบุหรี่ไฟฟ้า ถ่ายภาพรีดเงิน ฉะยับ “ตํารวจไทยโกหก”

คดีตำรวจรีดเงินบานปลาย ดาราสาวชาวไต้หวัน “น.ส.อัน หยู ฉิง” ร้องตำรวจสากลให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องคดีแล้ว ยันตำรวจไทยโกหก ถูกไถ เงินจริง แถมบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ของตัวเอง แต่ตำรวจยื่นมาให้แล้วถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ด้านตำรวจไทยตามตัวโชเฟอร์รถแกร็บที่ไปรับดาราสาว กับเพื่อนรวม 4 คนจากอาร์ซีเอจนไปเจอด่าน เข้าให้การ อัดดาราสาว ยันว่าเมากลิ่นเหล้าหึ่งทุกคน พูดจาโวยวาย ตลอดทาง รวมทั้งกับตำรวจที่เรียกลงไปตรวจค้น และไม่เห็นเหตุการณ์อะไรผิดปกติ เพราะไปพูดคุยกันด้านหลังรถ แค่หันไปมองเป็นระยะ หาตัวโชเฟอร์แท็กซี่อีกคันที่รับ 4 ชาวไต้หวันจากด่านไปส่งโรงแรม “รองโจ๊ก” ลั่น ใครผิดต้องดำเนินคดี ทั้งตำรวจและดาราสาว ถ้าคดีไม่คืบหน้าจะลงไปดำเนินการเอง
กรณี น.ส.อัน หยู ฉิง หรือชาร์ลีน อัน ดาราสาวชาวไต้หวัน โพสต์อินสตาแกรม (ไอจี) แฉแหลกถูกตำรวจตั้งด่านตรวจใกล้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน เรียกตรวจหนังสือเดินทางกล่าวหาว่าไม่มีวีซ่า ทั้งที่เข้าเมืองด้วยวีซ่าแบบ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ VOA (Visa on arrival) จากนั้นถูกรีดเงินจำนวน 27,000 บาท หลังกลายเป็นข่าวครึกโครม พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. ตรวจสอบเบื้องต้นออกมาชี้แจงว่า ตำรวจฝ่ายปราบปรามตั้งด่านจริงทั้งหมด 7 นาย ไม่มีการรีดไถเงิน แถมใจดีไม่ได้ดำเนินคดีข้อหามีบุหรี่ไฟฟ้า แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งการให้ตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงถึงที่สุด เนื่องจากกระทบการท่องเที่ยวประเทศไทย

ผบก.น.1 เร่งรัดการสอบสวน
ความคืบหน้าจาก สน.ห้วยขวาง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ม.ค. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดี เรียก พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง เข้าประชุมนานเกือบ 2 ชม. ก่อนออกมาเปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ ผู้บังคับบัญชาไม่ได้นิ่งนอนใจสั่งการให้ตนมาเร่งรัดทำสำนวนอย่างตรงไปตรงมาตามความจริงให้ปรากฏ ความจริงนั้นต้องอ้างอิงตามหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้ บก.น.1 เข้ามาช่วย สน.ห้วยขวาง รวบรวมสำนวนให้รัดกุมมากที่สุด
ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์นำ
“วันนี้อยู่ระหว่างหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม หลังจากมีภาพจากกล้องของ กทม.เท่านั้น เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับพยานแวดล้อมทาง สน.ห้วยขวาง ทำหนังสือขอภาพกล้องวงจรปิดจากสถานทูตจีนแล้ว อยู่ระหว่างการตอบรับจากสถานทูต นอกจากนี้ฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง สามารถติดต่อคนขับรถสาธารณะ (แกร็บ) คันแรกที่มาส่งดาราสาวได้แล้ว อยู่ระหว่างการเดินทางมาให้การ ส่วนผู้ขับขี่รถสาธารณะ (แท็กซี่) อยู่ระหว่างติดตามตัว เพื่อนำคำให้การจากพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาประกอบสำนวนเสนอต่อผู้บังคับบัญชา โฆษก ตร.จะเป็นผู้แถลงรายละเอียดต่อไป ขณะนี้ดำเนินการไปได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าไม่เกิน 2 วันเรื่องนี้จะคลี่คลาย” ผบก.น.1 กล่าว
สอบเครียดโชเฟอร์แกร็บ 3 ชม.
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายวิเชษฐ์ ปิ่นแก้ว อายุ 50 ปี คนขับรถสาธารณะ (แกร็บ) เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ต.หญิง ภินฑ์ เมฆไพบูลย์ สว. (สอบสวน) สน.ห้วยขวาง ฐานะพยาน ทั้งนี้ ตำรวจขอกล้องวงจรปิดหน้ารถไปตรวจสอบด้วยว่า บันทึกภาพเหตุการณ์อะไรได้บ้าง เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี หลังให้การประมาณ 3 ชม. นายวิเชษฐ์ ปิ่นแก้ว ออกมาเปิดเผยว่า คืนวันเกิดเหตุดาราสาวเรียกรถตนผ่านแอปพลิเคชันให้ไปรับที่สถานบันเทิงออนิกซ์ย่านอาร์ซีเอเวลาราว 02.00 น. ปักหมุดปลายทางที่ร้านอาหารห้วยขวางเทอเรส ผู้โดยสารมีทั้งหมด 4 คน เป็นผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 1 คน ตอนไปรับตนจอดห่างจากหมุดประมาณ 30 เมตรแล้วบอกโบกมือให้เดินมาหา สังเกตเห็นชัดว่าทุกคนมีอาการเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง มีผู้ชายคนหนึ่งพอพูดภาษาไทยได้ ก็พูดจาใส่อารมณ์ตวาดใส่ตน พอผู้โดยสารขึ้นมาได้กลิ่นเหล้าแรงมากจนต้องเปิดกระจก ตนจำผู้หญิงคนนี้ได้แม่นเพราะดูท่าทางเมาแล้วโวยวายเสียงดังที่สุดในรถ
ให้การซัดดาราสาวกับเพื่อนเมา
“จากนั้นขับรถมาตามเส้นทางจากอาร์ซีเอ ออกถนนพระราม 9 เลี้ยวซ้ายที่แยก อ.ส.ม.ท.เข้าถนนรัชดาภิเษก มาเจอด่านตรวจที่หน้าสถานทูตจีน มีตำรวจเรียกขอตรวจเลยเปิดไฟในเก๋งรถ ตำรวจถามว่า จะไปไหน ผมบอกไปว่าเป็นแกร็บ ตำรวจขอตรวจเช็กผู้โดยสารและหันไปพูดภาษาอังกฤษกับผู้โดยสารว่า “Police Check” ตอนนั้นผู้หญิงมีท่าทางไม่พอใจชัดเจน ประมาณว่าไม่อยากให้ตรวจค้น ตำรวจเลยพยายามเชิญลงจากรถ ผู้โดยสารทำท่าไม่อยากลง สุดท้ายต้องลงไปยืนให้ตำรวจตรวจค้นอยู่ท้ายรถฝั่งซ้าย ระหว่างตรวจค้นมีตำรวจทั้งหมด 3 นาย ให้ผู้โดยสารเปิดกระเป๋าและส่องไฟฉายให้ผู้โดยสารเป็นคนรื้อกระเป๋าตัวเอง ตำรวจไม่ได้แตะต้องข้าวของ แตะตัวเฉพาะผู้โดยสารผู้ชายเท่านั้น ใช้เวลาตรวจค้นนานประมาณ 30 นาที ผมไม่ค่อยได้หันไปมอง จะหันไปเฉพาะเวลาได้ยินเสียงผู้หญิงโวยวายเป็นภาษาจีนใส่ตำรวจ ตำรวจก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร และไม่เห็นว่า ผู้โดยสารพยายามถ่ายคลิป” โชเฟอร์รถแกร็บกล่าว
ไม่เห็นตำรวจทำอะไรผิดปกติ
นายวิเชษฐ์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นผู้โดยสารผู้ชายที่พูดไทยได้เดินมาหาตนจ่ายเงิน 80 บาทบอกให้ไป ตนยังคิดอยู่เลยว่าขาดทุนเพราะค่าโดยสารทั้งหมด 89 บาท แต่ก็ขับรถออกมา ยืนยันว่าระหว่างที่จอดรถอยู่ในด่าน ไม่เห็นความผิดปกติ ตำรวจตรวจค้นปกติ เป็นที่โล่งริมถนนไม่ได้ไปที่ลับตา ส่วนผู้โดยสารมีบุหรี่ไฟฟ้าจริงหรือไม่ ตนไม่ทราบ หลังเป็นข่าวขึ้นมารู้สึกคุ้นหน้านักท่องเที่ยวผู้หญิง มาเปิดดูในไทม์ไลน์แอปพลิเคชันเลยคิดว่าใช่แน่
ดาราสาวไต้หวันให้ข่าวเกินจริง
“ตำรวจเรียกมาจึงให้ความร่วมมือ เพราะมองว่านักท่องเที่ยวผู้หญิงให้ข่าวเกินจริงทำให้เสียภาพพจน์ประเทศไทย ส่วนที่เจ้าตัวออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมว่า ไม่ได้ดื่ม ยืนยันว่าเมา 100 เปอร์เซ็นต์ อยากบอกให้นักท่องเที่ยวสาวออกมาพูดความจริงเพราะตอนนั้นเธอมีอาการเมา ก็ให้สังคมตัดสินว่าจะเชื่อคนเมาหรือคนไม่เมา ส่วนกล้องหน้ารถตน บันทึกภาพและเสียงได้จะฟอร์แมตทุก 7 วัน เพราะความจำน้อย แต่นำเมมโมรีการ์ดให้ตำรวจไปตรวจสอบแล้ว” นายวิเชษฐ์กล่าว

ตำรวจรอหลักฐานก่อนฟันธง
ด้าน พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ กล่าวว่า หลังเรียกคนขับรถแกร็บมาสอบปากคำฐานะพยาน เบื้องต้นได้หลักฐานมาแล้วพอสมควร ขณะเดียวกันตอนนี้ดาราสาวชาวไต้หวันไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่จะเรียกตัวกลับมาให้ข้อมูลหรือไม่ ต้องรอดูว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะว่าอย่างไร ถามว่า จากการสอบปากคำพยานรวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วบางส่วน ยังคงมั่นใจในตำรวจใต้บังคับบัญชาหรือไม่ว่า ไม่ได้มีการเรียกรับผลประโยชน์ พ.ต.อ.ยิ่งยศ ระบุว่า ในส่วนนี้ขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐาน ยังตอบในจุดนี้ไม่ได้ อยากให้รอพยานหลักฐานชัดเจนก่อนถึงสามารถสรุปได้ ถามว่า หากผลออกมาไม่ได้เป็นตามที่ดาราสาวชาวไต้หวันกล่าวอ้างจะตั้งข้อหาหรือไม่ ผกก.สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี ไม่ได้แจ้งข้อหาแก่ใคร รอให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน
แบ่งรับแบ่งสู้ดำเนินคดีกลับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นคนไทยทำเหตุการณ์แบบนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง พ.ต.อ.ยิ่งยศกล่าวว่า อย่าเพิ่งเทียบเคียงกันดีกว่า เพราะในส่วนนี้เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ถามว่า ในส่วนที่ดาราสาวชาวไต้หวันโพสต์อินสตาแกรมทำนองว่า ให้ตำรวจไทยหยุดใส่ร้ายเธอได้แล้ว และให้ตำรวจไทยเปิดหลักฐานกล้องซีซีทีวีออกมา ผู้กำกับโรงพักเจ้าของพื้นที่ ระบุว่า ขอให้รอความชัดเจนแล้วจะปล่อยทีเดียว ถามว่า มีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าจะสามารถกู้ชื่อเสียงตำรวจไทยกลับมาได้ พ.ต.อ.ยิ่งยศยังยืนยันว่า ให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน หากเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างจะประจักษ์เอง
หาแท็กซี่คันไปส่งกลับโรงแรม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันเดียวกัน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวว่า ขณะนี้ บช.น.อยู่ระหว่างเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน การตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่นักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจ อีกทั้งยังมีการรวบรวมกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมจากบริเวณใกล้เคียง ต้องดำเนินการเก็บพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้น อีกทั้งยังดำเนินการเชิญคนขับรถแกร็บที่ขับรถนำผู้เสียหายมาจากย่านอาร์ซีเอมาสอบสวน
จากนั้นจะเรียกบุคคลที่ขับรถแท็กซี่สีส้มมารับนักท่องเที่ยวผู้เสียหายจากด่านตรวจกลับไปส่งที่โรงแรม เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลทั้งหมดจะพิจารณาเพื่อหาข้อเท็จจริงว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร หากว่าการตรวจสอบพบว่า มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริงจะดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทั้งทางวินัยและทางอาญา
ตำรวจติดต่อดาราสาวได้แล้ว
“สำหรับกรณีที่เกิดนี้นายกรัฐมนตรีและ ผบ.ตร.กำชับมาเป็นพิเศษว่า ต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้กระจ่าง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถ่องแท้ก่อน จะยังไม่สรุปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ส่วนเมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วจะเป็นขั้นตอนที่ บช.น.เป็นฝ่ายดำเนินการต่อ สำหรับดาราสาวชาวไต้หวันเบื้องต้นได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดต่อได้แล้วและได้ข้อมูลมาบ้างบางส่วน แต่เราต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน ขณะเดียวกันต้องเปิดช่องทางให้ผู้เสียหาย นำข้อมูลมาให้เจ้าหน้าที่ เป็นเรื่องที่เรายินดีเป็นอย่างยิ่ง ประเด็นนี้จะดำเนินการเป็น 2ส่วนคือ ข้อมูลจากผู้เสียหายโดยตรง และจากเจ้าหน้าที่สำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางของไต้หวันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานงานไป” โฆษก ตร.กล่าว
ส่งข้อมูลมาให้แล้วบางส่วน
พล.ต.ต.อาชยนกล่าวต่อว่า ส่วนกระแสข่าวว่า ผู้เสียหายส่งข้อมูลมาให้ตำรวจแล้ว ยอมรับว่าผู้เสียหายส่งข้อมูลมาบางส่วน ขอเรียนตรงๆว่า เรายังไม่อยากเปิดเผยตอนนี้ เพราะหากเปิดเผยไปอาจกระทบกับสิ่งที่เราจะดำเนินการต่อในด้านต่างๆ อยากขอให้ทุกอย่างชัดเจนกว่านี้ เพื่อจะได้เห็นไทม์ไลน์ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะหากเปิดเผยออกไปตอนนี้แล้วทุกอย่างยังไม่ชัดเจนจริง อาจก่อให้เกิดความสับสน ยืนยันว่าเราไม่ได้นิ่งดูดายและพร้อมรับข้อมูลจากทุกภาคส่วน กรณีที่เกิดขึ้น ตร.จะทำให้เกิดความกระจ่าง ส่วนกรณีสื่อมวลชนบางช่องประสานผู้เสียหาย และนำเสนอว่า ผู้เสียหายจะนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปฟ้องตำรวจสากล ประเด็นดังกล่าวเรายังไม่มีข้อมูล แต่ขอยืนยันเหมือนเดิมว่า เราพร้อมรับข้อมูลหลักฐานจากทุกภาคส่วน ยิ่งได้จากผู้เสียหายโดยตรงจะดีมาก
“โจ๊ก” ลั่นใครผิดต้องดำเนินคดี
ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์เรื่องดาราสาวไต้หวันอ้างว่าถูกตำรวจรีดเงินว่า เรื่องนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่ตนสั่งให้ ผกก.สส.บก.น.1 และ ผกก.ห้วยขวางให้เร่งดำเนินการไปแล้ว ทาง ผบช.น.ก็กำชับให้เร่งรัดสืบสวนความจริงให้ปรากฏว่า จริงหรือไม่จริง ถ้าตำรวจกระทำผิดจริงต้องดำเนินคดีอาญา ในคืนวันดังกล่าวตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านจริง แต่จะมีความผิดหรือไม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขณะเดียวกันหากการสืบสวนข้อมูลพบว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้รีดทรัพย์หรือรีดไถเงินตามที่ดาราสาวไต้หวันกล่าวอ้าง หรือเป็นการจงใจทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย ต้องดำเนินคดีกับดาราสาวไต้หวันเช่นกันข้อหาให้การเท็จ
รอดูคดีไม่คืบจะลงไปทำเอง
“ทั้งนี้คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อแจ้งความดำเนินคดีสามารถประสานความร่วมมือกับสถานทูตจีนในไทยได้ ส่วนตัวมองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากสามารถตรวจสอบได้ หากเจ้าตัวไม่ออกมาให้ข้อมูลหรือพยานหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ไทย ตำรวจพื้นที่ที่เกิดเหตุจะสามารถไล่กล้องวงจรปิด และตรวจสอบตารางเวรในคืนดังกล่าวเพื่อหาพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นในประเทศไทยดำเนินคดีกับดาราสาวได้ ภาพลบในวงการตำรวจมีมาก แต่วันนี้หากพบเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดซึ่งเป็นส่วนน้อย แต่ทำให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย ต้องดำเนินคดีอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป แต่ตอนนี้ต้องรอการสืบสวนให้แน่ชัดก่อน หากชุดสืบสวนของนครบาลดำเนินการไม่จริงหรือไม่มีความคืบหน้า ตนพร้อมเข้าไปสืบสวนด้วยตัวเอง” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ดาราสาวร้องตำรวจสากลช่วย
ส่วนความเคลื่อนไหวของดาราสาวชาวไต้หวัน น.ส.อัน หยู ฉิง อายุ 32 ปี สำนักข่าวซานลี่ นิวส์ เน็ตเวิร์ก สื่อท้องถิ่นไต้หวันติดต่อขอสัมภาษณ์เพิ่มเติม เจ้าตัวเผยว่า ติดต่อกับสำนักงานตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพลให้เข้ามาช่วยเหลือ พร้อมยืนยันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า ถูกรีดไถเงินจริง ตำรวจฝ่ายหนึ่งบอกไม่มีด่าน อีกฝ่ายบอกมีด่าน เห็นได้ชัดว่า ตำรวจไทยโกหก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตน มีคนอื่นโดนเหมือนกัน เพื่อนชาวไต้หวัน 3 คนที่เดินทางไปประเทศไทยช่วงปีใหม่ถูกรีดไถยิ่งกว่านี้อีก การรีดเงินระดับนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วในประเทศไทย ยืนยันว่า ตอนเกิดเหตุมีผู้หญิงชาวเกาหลี 5 คน ที่คุยกันไม่รู้เรื่องเพราะปัญหาด้านกำแพงภาษา ถูกบังคับให้จ่ายเงินแต่โดยดี
ยันจำหน้าตำรวจที่รีดเงินได้
ดาราสาวยังกล่าวต่อไปว่า วันเกิดเหตุใกล้สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ตัวเองไม่ได้เมา และยังคงจำหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ตอนนั้นมีตำรวจมากกว่า 7 นาย ทุกคนพกปืนและมีอารมณ์โมโห กลุ่มตำรวจไม่ยอมให้ถ่ายวิดีโอ และรู้เหลี่ยมที่จะหลบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว หลังจากเอาเงินไปแล้วมีตำรวจยื่นบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ บอกให้รับไปพอรับก็ถูกตำรวจถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเรื่องพาสปอร์ตตนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปพาสปอร์ตไว้ พอจะให้เพื่อนที่พกพาสปอร์ตกลับไปโรงแรมเพื่อเอาพาสปอร์ตตัวจริงมาให้ดู กลับไม่ได้รับอนุญาต พอบอกว่าพร้อมไปสถานีตำรวจ ได้รับคำตอบว่า โนโนโน หลังจากเหตุการณ์มีเพื่อนเล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่ไม่ยอมให้ไปสถานีตำรวจ เพราะทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ทำให้รีดไถเงินไม่ได้
ถามไม่ได้ไถแล้วทำไมปล่อย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซานลี่ นิวส์ เน็ตเวิร์ก ถามย้ำว่า ทางตำรวจไทยเน้นย้ำในเรื่องไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมาย อนุญาตให้เดินทางกลับได้ และการรีดไถไม่ได้เกิดขึ้น อัน หยู ฉิง หัวเราะเหอะๆและกล่าวว่า “สมมติว่าตัวเองพกพาสิ่งผิดกฎหมายจริง แล้วทำไมสุดท้ายถึงปล่อยให้ไปล่ะ”

รมว.กก.โอดกระทบท่องเที่ยวแน่
ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กก.เผยว่า กรณีกระแสข่าวนักท่องเที่ยวใช้บริการของตำรวจท่องเที่ยวในการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง และมีดาราสาวไต้หวันถูกรีดไถเงิน จะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยหรือไม่นั้น ยอมรับว่า กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย มองว่าเรื่องนี้ต้องเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เบื้องต้นในส่วนตำรวจท่องเที่ยวมีหน้าที่ให้การบริการนักท่องเที่ยวที่ได้รับการติดต่อไปที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) หรือกรมการท่องเที่ยว (กทท.) ก่อน การให้บริการของตำรวจท่องเที่ยวยืนยันไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ตามเงื่อนไขและกฎระเบียบทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
จะมีการชี้แจงใน ครม.31 ม.ค.นี้
“ส่วนกรณีมีตำรวจใช้อภิสิทธิ์เรียกรับเงินจากนักท่องเที่ยวนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง วันที่ 31 ม.ค.จะมีการชี้แจงรายละเอียดทุกข้อกล่าวหาที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากนี้กระทรวงมีแผนประชาสัมพันธ์ชี้แจงรายละเอียดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ทราบ โดยจะชี้แจงผ่านกระทรวงต่างประเทศไปยังสถานทูตต่างๆทั่วโลก เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นจริง สำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นสมาชิกบัตรไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด มอบสิทธิพิเศษให้ชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทย สามารถเข้าช่องทางพิเศษได้และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอำนวยความสะดวกได้ ถือเป็นเรื่องปกติในการให้บริการสำหรับสมาชิกบัตร แต่สำหรับกรุ๊ปทัวร์และบริษัทที่แอบอ้างถึงกฎต่างๆ 7-8 ข้อนั้น ยืนยันกระทรวงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” รมว.กก.กล่าว
คุณกำลังดู: ดาราสาวไต้หวันซัดโดนยัดบุหรี่ไฟฟ้า ถ่ายภาพรีดเงิน ฉะยับ “ตํารวจไทยโกหก”
หมวดหมู่: อาชญากรรม
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- บิ๊กโจ๊ก จี้สืบสวนดาราสาวไต้หวันถูกตั้งด่านรีดเงิน ขู่หากไม่คืบจะทำเอง
- โชเฟอร์แกร็บ แจงดาราสาวไต้หวันเมาโวยวายเอง จี้พูดความจริงอย่าทำประเทศไทยเสียหาย
- สอบแท็กซี่รับดาราสาวไต้หวัน บอกมากับผู้ชาย 3 คน “โวยวายเสียงดังตลอดทาง”
- 7 นาย "ตำรวจห้วยขวาง" ยันไม่ได้ไถเงินดาราไต้หวัน รอง ผบช.น.ให้กำลังใจ
- ไล่วงจรปิดควานหาแท็กซี่ รับดาราสาวไต้หวัน น.1 รับ สน.ห้วยขวางตั้งด่าน