ให้ออก "3 สายสืบ" ตบทรัพย์ 4 แสนบาท ซัดทอดตำรวจ อีก 8 นาย ร่วมก๊วน

ผู้การเมืองน้ำดำสั่งให้ออก 3 ตำรวจนอกรีต รีดเงินญาติผู้ต้องหายาเสพติดแลกกับการปล่อยตัวหลังจับยาบ้า 2,000 เม็ด ติดต่อน้องสาวนำเงิน 500,000 บาทมาให้ ผู้เสียหายต่อรองเหลือ 400,000 บาท แจ้งสืบสวนจังหวัดซ้อนแผนนำเงินไปให้ถึงห้องสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ก่อนยกกำลังบุกจับคาหนังคาเขา พร้อมเงินของกลาง ซัดทอดมีตำรวจร่วมทีมอีก8นาย ไล่ตั้งแต่ ร.ต.อ.ยัน ส.ต.อ. เร่งสอบขยายผลเพิ่ม หากพบผิดฟันไม่เลี้ยง ด้าน ผบช.ภ.4 คาดโทษผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วย
สั่งให้ออกราชการ 3 ตำรวจนอกรีต รีดเงินญาติผู้ต้องหาคดียาเสพติดแลกกับการปล่อยตัวถูกชุดสืบสวนซ้อนแผนรวบคาหนังคาเขาพร้อมเงินของกลาง โดยเมื่อวันที่ 25 มี.ค. พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จ.กาฬสินธุ์ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์รีดไถเงินจากน้องสาวผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่ถูกจับพร้อมของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด ภายหลังชุดจับกุมติดต่อให้นำเงินจำนวน 500,000 บาทมาให้ เพื่อแลกกับการปล่อยตัว แต่มีการเจรจาต่อรองเหลือ 400,000 บาท พร้อมนัดส่งมอบเงินที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เหตุเกิดวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนถูกชุดสืบสวน ภ.จ.กาฬสินธุ์ ซ้อนแผนจับกุมตำรวจชุดดังกล่าวที่ร่วมกันกระทำผิดได้ 3 นาย
พล.ต.ท.ยรรยงกล่าวอีกว่า กำชับให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดพร้อมรายงานผลให้ทราบโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เสียภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำฝ่าฝืนขัดคำสั่ง ทั้งที่กำชับเน้นย้ำเรื่องการปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอด รวมทั้งผู้บังคับบัญชาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์ต่างๆ เพราะเป็นเรื่องการกวดขันวินัยและกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้น ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องต้องมีส่วนรับผิดชอบ ส่วนจะมีผลอย่างไรขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
“กำกับให้คณะกรรมการตรวจสอบทุกมิติ เริ่มตั้งแต่การจับกุมผู้ต้องหาในคดี รวมทั้งมีนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกี่นาย เบื้องต้นมีหลักฐานชัดเจนว่าตำรวจ 3 นาย เรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนที่เหลือจะมีตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการขยายผล ยืนยันว่ากรณีนี้จะไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน และจะทำให้เป็นกรณีตัวอย่าง ไม่มีปกป้องไม่สงสารเพราะเป็นการกระทำผิดร้ายแรงต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด” ผบช.ภ.4 กล่าวและว่าส่วนผู้ต้องหาที่ถูกจับยาเสพติดและได้รับการปล่อยตัวไปนั้น สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีและสอบปากคำอย่างรายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ด้าน พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เบื้องต้นมีตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ถูกจับดำเนินคดี 3 นาย หลังเกิดเหตุสั่งการให้ดำเนินคดีทางอาญาอย่างเด็ดขาดกับตำรวจทั้ง 3 นาย พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยร้ายแรงต่อไป หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงจะไม่มีการละเว้นและต้องถูกดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัยขั้นเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดใช้ตำแหน่งประกันตัวออกไป ทั้งนี้ จากพยานหลักฐานพบว่ามีการเรียกรับเงินจริงและผู้เสียหายยืนยันชัดเจน จึงมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน นอกจากนี้ยังมีตำรวจสืบสวนอีก 8 นาย ถูกซัดทอดว่าร่วมกันกระทำผิด ตอนนี้รอให้ผู้เสียหายมาชี้ตัวเพิ่มเติม หากยืนยันว่าร่วมกันกระทำผิดจริงก็จะถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญาและตั้งคณะกรรมการสอบสวน รวมถึงให้ออกราชการไว้ก่อนทั้ง 8 นาย
สำหรับปฏิบัติการซ้อนแผนจับตำรวจนอกแถวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค.เวลา 07.00 น.พ.ต.อ.เกษม มุฑาพร ผกก.สส.ภ.จ.กาฬสินธุ์ รับแจ้งจากนางเอ๋ (นามสมมติ) ว่านายบอย (นามสมมติ) พี่ชาย ถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจไม่ทราบสังกัดจับกุมพร้อมของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด ต่อมาชุดจับกุมติดต่อให้นางเอ๋นําเงินจํานวน 500,000 บาท มาให้เพื่อแลกกับการไม่ให้ถูกจับกุมตัวนายบอยดำเนินคดี นางเอ๋เจรจาต่อรองลดลงเหลือ 400,000 บาท ก่อนตกลงนัดหมายจะนําเงินไปมอบให้บริเวณด้านหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ วันที่ 23 มี.ค.เวลาประมาณ 09.00 น.ตำรวจชุดจับกุมบอกว่าถ้าไม่มาจะส่งดําเนินคดีกับพนักงานสอบสวน
หลังทราบเรื่อง พ.ต.อ.เกษมนัดแนะให้นางเอ๋ซ้อนแผนจับกุมตำรวจชุดดังกล่าว ก่อนนําเงิน400,000 บาท ไปลงประจําวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นวางแผนให้นางเอ๋นํากระเป๋าบรรจุเงินจํานวนดังกล่าวไปมอบให้ตำรวจชุดจับกุมตามที่ตกลงกัน กระทั่งนางเอ๋เดินทางไปถึงจุดนัดหมายด้านหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียกและพาเข้าไปในห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ประมาณ 10 นาที หลังส่งมอบเงินของกลางเสร็จ นางเอ๋เดินทางออกมาและโทรศัพท์แจ้ง พ.ต.อ.เกษม นำกำลังเข้าไปในห้องสืบสวนทันที พบตำรวจ 3 นาย ประกอบด้วย ด.ต.พิทักษ์พงษ์ ภูเงิน อายุ 37 ปี ส.ต.อ.ไชยา ปากแข็ง อายุ 30 ปี และ ส.ต.อ.วรพงษ์ สำราญอ่อน อายุ 27 ปี ตำรวจสายสืบ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ นั่งอยู่ในห้อง ยึดเงินสดของกลาง 364,000 บาท พร้อมกับสอบถามถึงผู้ต้องหาที่ถูกจับยาเสพติดททราบว่าปล่อยตัวกลับบ้านไปแล้ว
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.เกษม แจ้งความร้องทุกข์ ร.ต.อ.พิชัย กงทิพย์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้ดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 3 นายข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เบื้องต้นตำรวจทั้ง 3 นาย ให้การซัดทอดว่ายังมีตำรวจอีก 8 นาย รู้เห็นและร่วมกระทำผิดในครั้งนี้ด้วย ประกอบด้วยนายตำรวจยศ ร.ต.อ. 1 นาย ร.ต.ท.1นาย ด.ต. 2 นาย จ.ส.ต. 3 นาย และ ส.ต.อ.อีก 1 นายอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานขยายผลเพิ่มเติม หากพบความผิดก็จะเรียกมาสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
คุณกำลังดู: ให้ออก "3 สายสืบ" ตบทรัพย์ 4 แสนบาท ซัดทอดตำรวจ อีก 8 นาย ร่วมก๊วน
หมวดหมู่: ภูมิภาค