คลังสินค้าใหญ่สุดภาคเหนือ ทวงค่าเช่าเก็บข้าวสาร อคส.ค้างจ่ายกว่า 300 ล้าน

คลังสินค้าใหญ่สุดภาคเหนือ ทวงค่าเช่าเก็บข้าวสาร อคส.ค้างจ่ายกว่า 300 ล้าน

ประธานบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ฯ คลังสินค้าใหญ่สุดภาคเหนือ ออกมาทวงค่าเช่าจากองค์การคลังสินค้าที่ยังค้างกว่า 300 ล้าน หลังขอเช่าพื้นที่เก็บรักษาข้าวสาร ตามโครงการรับจำนำกว่า 5 ล้านกระสอบ ช่วงแรกจ่ายค่าเช่าตามสัญญา ก่อนหยุดจ่าย ทั้งยังทิ้งกองข้าวเน่าส่งกลิ่นเหม็นกว่า 2 พันตัน

วันที่ 9 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีที่บริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยนายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ประธานบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เลขที่ 111 ม.2 ถ.พหลโยธิน ตำบลธำมรงค์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ เก็บสินค้ากว่า 1 ล้านตัน ออกมาระบุถึงสัญญาเช่าคลังสินค้าตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2554 /2555 ,นาปรัง 2555, นาปี 2556 ที่องค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำไว้กับทางบริษัทฯ เพื่อใช้พื้นที่เก็บรักษาข้าวสาร ตามโครงการรับจำนำจำนวนกว่า 5 ล้านกระสอบ โดยองค์การคลังสินค้าจะต้องจ่ายค่าเช่า ตามจำนวนข้าวสารที่นำมาเก็บจริง ในอัตรากระสอบละ 2 บาทต่อเดือน ที่ผ่านมาทางองค์การคลังสินค้าจ่ายเงินค่าเช่าตามข้อตกลง ซึ่งบริษัทได้รับค่าเช่าจากองค์การคลังสินค้า จนครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 องค์การคลังสินค้าไม่ได้ดำเนินการจ่ายค่าเช่าตามข้อตกลงสัญญา ปัจจุบันองค์การคลังสินค้ายังคงค้างค่าเช่าเป็นเงินจำนวนกว่า 336 ล้านบาท ตามบันทึกข้อตกลงแนบท้ายสัญญาขององค์การคลังสินค้า กรณีการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามโครงการรับจำนำของรัฐบาลว่า องค์การคลังสินค้าจะทยอยจ่ายค่าเช่าคลังสินค้าและค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามงบประมาณที่ได้รับจากรัฐบาล ให้กับบริษัทให้แล้วเสร็จไม่เกิน 30 วัน สำหรับกรณีค่าใช้จ่ายที่ยังคงค้างจ่ายคงเหลือ องค์การคลังสินค้าจะจ่ายหลังจากที่ได้งบประมาณจากรัฐบาลแล้วให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันหลังจากที่ได้รับงบประมาณเช่นกัน นอกจากนั้น ยังยินยอมให้บริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด สามารถยึดหน่วงสินค้าในคลังได้ หากองค์การคลังสินค้าผิดนัดผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้แก่บริษัทฯ จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามสัญญา

ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงกับสัญญา ที่ผิดนัดมาเป็นเวลาหลายปี จึงเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรม จ่ายค่าเช่าคลังสินค้าที่คงค้างอยู่จำนวนกว่า 336 ล้านบาท ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องนำเงินจำนวนนี้มาใช้จ่ายในการบริหารจัดการธุรกิจของตน

นอกจากนั้น นายมนต์ชัย ยังได้เรียกร้องให้องค์การคลังสินค้า ดำเนินการขนย้ายข้าวสารตามสัญญาเช่าคลังสินค้าในคลังหลังที่ A1 ซึ่งองค์การคลังสินค้าได้เปิดประมูลขายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ตั้งแต่เมื่อปี 2562 โดยบริษัทผู้ชนะการประมูลเริ่มขนย้ายข้าวสารออก เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 จนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ยังคงเหลือข้าวสารบางส่วนที่ไม่ได้คุณภาพประมาณ 2 พันตัน กองทิ้งไว้ที่หน้าคลังสินค้า ซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การคลังสินค้า บางส่วนถูกทิ้งไว้เป็นเวลานานถึง 8 ปี ทำให้เกิดความเสียหาย เสียพื้นที่ใช้ประโยชน์ ทั้งยังมีกลิ่นเน่าเหม็น ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นอย่างมาก จึงขอวอนให้องค์การคลังสินค้า มาดำเนินการขนย้ายข้าวสารจำนวนนี้ออกจากพื้นที่บริษัทโดยด่วน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือแจ้งถึงองค์การคลังสินค้า ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันถึง 8 ฉบับด้วยกัน

นายสุรเดช ยูนุช อายุ 59 ปี ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวบริษัทยูนิตี้พ้อย กล่าวว่า เป็นตัวแทนบริษัทในการควบคุมการออกข้าวให้กับบริษัทผู้ชนะการประมูลภายในคลังสินค้าสิงห์โตทองฯ หลังที่ 13 บริษัทมีหน้าที่ในการดูแลอบยา ต่อมาไม่สามารถเข้าดำเนินการได้ และองค์การคลังสินค้าไม่จ่ายเงินให้ในการดำเนินการ ทำให้บริษัทถูกฟ้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท บริษัทได้รับความเสียหาย และได้ตั้งข้อสังเกตว่าข้าวสารที่ควบคุมการปล่อยออกในวันนี้ ยังคงเป็นข้าวที่มีคุณภาพที่คนและสัตว์สามารถบริโภคได้ ไม่สมควรนำไปแปรรูปเป็นพลังงานเชื้อเพลิงด้วยการนำไปเผาตามที่เปิดประมูล.

คุณกำลังดู: คลังสินค้าใหญ่สุดภาคเหนือ ทวงค่าเช่าเก็บข้าวสาร อคส.ค้างจ่ายกว่า 300 ล้าน

หมวดหมู่: ภูมิภาค

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด