เลือกตั้ง 2566 : แกนนำรวมไทยสร้างชาติ ตอกย้ำนโยบาย ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ

พรรครวมไทยสร้างชาติ ดึง 6 แกนนำตอกย้ำนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ส่งผู้สมัคร ส.ส. ปูพรมบอกต่อประชาชนทั้งประเทศ
วันที่ 23 เมษายน 2566 นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการจัดกำหนดการหาเสียงและการปราศรัย เปิดเผยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเตรียมเผยแพร่คลิปนโยบาย เพื่อให้ผู้สมัคร ส.ส. นำไปเผยแพร่และบอกต่อประชาชนทั้งประเทศว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ตามสโลแกน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยเผยแพร่คลิปแล้ว 6 คน คือ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจพรรค, ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค, พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต, นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์,นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงตนเอง
สำหรับเรื่องโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายธนกร กล่าวชี้แจง จะต่อยอดเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสให้ประชาชนคนละ 1,000 บาท สามารถใช้บัตรดังกล่าวไปกู้เงินฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท โครงการคนละครึ่ง ที่ทำมา 5 เฟส ก็จะทำต่อโครงการคนละครึ่งภาคสอง ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ปี 2565 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 11 ล้านคน และปี 2566 เราตั้งเป้า 27.5 ล้านคน ซึ่งจะมีเงินเข้าประเทศถึง 2.3 ล้านล้านบาท โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการลงทุนถึง 2.2 ล้านล้านบาท และมีการจ้างงานถึง 100,000 อัตรา เป็นการหาเงินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทุกนโยบาย ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ทำสำเร็จมาแล้ว เราจะแตกต่างจากพรรคการเมือง
ขณะที่คลิปของ นายอนุชา จะชี้แจงนโยบายโคเงินล้าน โคล้านครอบครัว ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำให้คนไทยหลุดพ้นจากความยากจนและจะเป็นคนรวยได้จากการเลี้ยงโค โดยให้กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้านวงเงิน 50,000 บาท นำมาซื้อโคไปเลี้ยง จะมีเงินล้านในระยะเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น โครงการนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อนุมัติวงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยรัฐอุดหนุนดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ปี เป็นเงิน 600 ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้านนำร่องโครงการนี้ 100,000 ครอบครัว โครงการนี้ทำแล้ว ลองแล้ว สำเร็จแล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติจะทำต่อจะทำให้พี่น้องพบกับความร่ำรวย ไม่ขายฝัน
ทางด้านคลิปของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง
ได้มีการพูดถึงนโยบายด้านสาธารณสุข จะมีการยกระดับในเมืองใหญ่
ประชากรหนาแน่น ในโครงการ หนึ่งเขต หนึ่งอำเภอ
หนึ่งโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม
โดยไม่สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินในการลงทุน
ผู้ป่วยทุกสิทธิ์ที่รักษาพยาบาลได้ประโยชน์
โดยเฉพาะผู้ป่วยบัตรทองสำหรับการแก้ปัญหาด้านบริการสาธารณสุขในพื้นที่เขตชนบทอำเภอต่างๆ
ในจังหวัดที่มีประชากรไม่หนาแน่น
มักประสบปัญหาเรื่องขีดความสามารถทางการแพทย์
การใช้วิสาหกิจเพื่อสังคมไปเติมขีดความสามารถทางการแพทย์เฉพาะสาขาแต่ละโรงพยาบาลที่ขาดแคลน
จะลดอุบัติการณ์การเสียชีวิตของผู้ป่วยในพื้นที่ชนบทได้
กรณีสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุซึ่งเกิดขึ้นแล้ว
การจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ผู้สูงอายุคนพิการและกลุ่มเปราะบางทางสังคมประจำตำบลอำเภอจังหวัด
ยังเป็นเครือข่ายเป็นระบบสามารถปฏิบัติได้จริงอันนี้เป็นสิ่งแรกที่รวมไทยสร้างชาติจะทำ
ส่วน นายจุติ เป็นการชี้แจงนโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
การให้ทุนการศึกษาเด็กยากจน ตั้งแต่ปี 2563-2566 วงเงิน 28,000
ล้านบาทดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ ที่มีที่พักอาศัยไม่เหมาะสม
จะเข้าไปซ่อมแซมให้ 180,000 ครัวเรือน
หาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย
ทั้งในเมืองและต่างจังหวัดเดือนละ 999 บาท มี 13,000 ครอบครัว
ตั้งเป้าทำให้ครบ 100,000 หลัง ดูแลกลุ่มเด็กแรกเกิดได้รับเงินเดือนละ
600 บาท ช่วยเหลือค่านม มีศูนย์ช่วยเหลือสังคมประจำตำบล
และชุมชนทั่วประเทศ 7,092 ศูนย์
บูรณาการกันทุกกระทรวงเป็นแอปพลิเคชันแจ้งเหตุปักหมุดหยุดเหตุเริ่มดำเนินการ
1 เมษายน และจะขยายไปทั่วประเทศที่โรงพักทั้งหมด 1,483 โรง
ร่วมกับศูนย์ชุมชนอีก 7,000 แห่ง ประชาชนดูแลบริหารเอง
ไม่ได้ใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียว จะสามารถลดความรุนแรงในครอบครัว
แก้ปัญหายาเสพติดได้
นายธนกร กล่าวต่อไปถึงคลิปของ ม.ล.ชโยทิต
เป็นการชี้แจงนโยบายหาเงินเข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาท มาจากทำแล้ว
ทำอยู่ ทำต่อ จากการลงทุนในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 3 ล้านล้านบาท
ทำให้มีการคมนาคมที่สมบูรณ์ทั้งระบบ การมีโครงสร้างดิจิทัลที่สมบูรณ์
ช่วยเยียวยาประชาชน ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
นโยบายคนละครึ่งการปักธงในต่างประเทศว่าไทยจะลดคาร์บอนให้เหลือศูนย์ภายในปี
ค.ศ. 2050 เพื่อเป็นฐานของอุตสาหกรรมใหม่ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด
เรื่องไมโครชิปจะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมใหม่ที่จะหารายได้เข้าประเทศ
นอกจากนี้ จะมีเงินจากการลงทุนภายในประเทศ คือเศรษฐกิจ BCG
ระเบียงเศรษฐกิจครบ 4 ภาค ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้
เรื่องการท่องเที่ยวจะออกวีซ่าระยะยาว 10 ปี
เพื่อชี้ชวนชาวต่างชาติที่มีศักยภาพให้มาลงทุนกินอยู่
และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนไทย เพิ่มโอกาสของไทยในการค้าขาย
และยังเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่เวทีโลก
ขณะเดียวกัน นายสุพัฒนพงษ์ ชี้แจงนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินว่า
สิ่งที่ทำแล้ว อาทิ กยศ. ช่วยเหลือแล้ว 6,800,000 คน
การแก้หนี้สินเชื่อเช่าซื้อ ที่มีลูกหนี้กว่า 20 ล้านราย
ลดดอกเบี้ยเงินกู้แก้หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู
จะทำให้มีเงินเหลือไม่ต่ำกว่า 30% การแก้หนี้ของโควิด-19
ที่ไม่ได้เกิดจากความผิดประชาชน จะแก้ให้เสร็จภายใน 1 ปี สำหรับผู้กู้
3 ล้านกว่าราย การแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เงินในส่วนการประกันตน 30%
ของแรงงานมาใช้ก่อน หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ของราชการ
30%
ได้มีโอกาสนำมาใช้ในการลดภาระหนี้และอัตราดอกเบี้ยสูงในยามจำเป็นและฉุกเฉิน
เป็นสิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติทำแล้วและจะทำต่อเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน.
คุณกำลังดู: เลือกตั้ง 2566 : แกนนำรวมไทยสร้างชาติ ตอกย้ำนโยบาย ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ
หมวดหมู่: การเมือง
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- เลือกตั้ง : 66 สนธยา โวยอำนาจรัฐปล่อยนักการเมืองซื้อเสียง ผบ.ตร.ขู่ลงดาบ ตร.ชลบุรี
- เลือกตั้ง 66 : “นิพนธ์” เผย คนเชื่อมั่น ปชป. มากขึ้น โว ขั้นต่ำ 70 ที่นั่ง
- “กรณิศ” หวังปั้นทองหล่อ เปิดตลาดนัดคนเดิน แจ้งเกิดแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก
- “พิธา” ปิดเวทีก้าวไกล ชวนร่วม 9 เปลี่ยน “มีลุงไม่มีเรา-มีเราไม่มีลุง”