ปชป.ส่งผู้สมัคร "ส.ส.เขต-ปาร์ตี้ลิสต์" 500 คน-"จุรินทร์" แคนดิเดตนายกฯ

“องอาจ” แถลงผลประชุม กก.บห.– ส.ส.ปชป.จัดเต็ม เห็นชอบผู้สมัคร ส.ส. เขต 400 คน และบัญชีรายชื่อ 100 คน -เสนอ “จุรินทร์” แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ปัด ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่มีเซฟโซน ขณะเฉลิมชัย ไม่ลงส.ส.

ปชป.ส่งผู้สมัคร "ส.ส.เขต-ปาร์ตี้ลิสต์" 500 คน-"จุรินทร์" แคนดิเดตนายกฯ

“องอาจ” แถลงผลประชุม กก.บห.-ส.ส.ปชป.จัดเต็ม เห็นชอบผู้สมัคร ส.ส. เขต 400 คน และบัญชีรายชื่อ 100 คน -เสนอ “จุรินทร์” แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ปัด ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่มีเซฟโซน ขณะเฉลิมชัย ไม่ลง ส.ส. ยัน ไร้นัยการเมือง

วันที่ 29 มี.ค.เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับมอบหมายจากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และที่ประชุม ส.ส.ของพรรค ให้เป็นผู้แถลงผลการประชุมของ กก.บห. และการประชุมร่วมระหว่าง กก.บห. และ ส.ส. ของพรรค ซึ่งการประชุมดังกล่าว มีทั้งผู้เข้าร่วมประชุมที่ชั้น 3 พรรคประชาธิปัตย์ และร่วมประชุมผ่านระบบ Zoom ซึ่งในการประชุม กก.บห. มีเรื่องพิจารณา 2 เรื่องสำคัญ

1. การพิจารณาอนุมัติผู้สมัครเป็นสมาชิกพรรค
2. พิจารณารายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์

นายองอาจ กล่าวว่า สำหรับการพิจารณารายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ปรากฏว่า ที่ประชุม กก.บห. มีมติเห็นชอบทั้งรายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ 400 เขต และรายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อ 100 ชื่อทั้งหมด โดยรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดถูกส่งมาจากคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็นรายชื่อที่ได้ผ่านกระบวนการการรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนพรรคหรือสาขาพรรคทั่วประเทศ ในทุกจังหวัดมาเรียบร้อยแล้ว และเป็นกระบวนการทางกฎหมาย จากนั้นเมื่อ กก.บห. ของพรรคมีมติอนุมัติรายชื่อผู้สมัครเรียบร้อยแล้ว ถือว่าผู้สมัคร ส.ส. ระบบเขต 400 คนของพรรค ก็พร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง และจะไปดำเนินการสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 3 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดรับสมัครเลือกตั้งในระบบเขตทั่วประเทศ โดยผู้สมัครของพรรคทุกคนจะได้รับหนังสือรับรองการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งจากหัวหน้าพรรค และทุกคนถือว่า ได้ผ่านการรับรองประวัติของตัวเองส่วนหนึ่ง และดำเนินการขั้นตอนทางธุรการเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปยื่นให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือ ตัวแทน กกต. ประจำจังหวัดต่างๆ ในการสมัครรับเลือกตั้งต่อไป โดยสถานที่สำหรับการรับสมัครเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดนั้น จะขึ้นอยู่กับ กกต. ประจำจังหวัดนั้นๆ จะเป็นผู้ประกาศสถานที่

สำหรับการสมัคร ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อ ทั้ง 100 รายชื่อ ที่จะเปิดรับสมัครในวันที่ 4 เมษายน ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นั้น ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคจะได้นำผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคจำนวนหนึ่งไปยื่นเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อประกอบการลงสมัครเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้ง 100 รายชื่อ ในวันที่ 4 เมษายน

สำหรับผลการการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหาร และ ส.ส.ของพรรค ซึ่งเป็น ส.ส.ชุดล่าสุดที่ดำรงตำแหน่งก่อนยุบสภา ซึ่งมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมทั้งที่ห้องประชุมและผ่านระบบ Zoom มีสาระสำคัญที่ได้พิจารณาก็คือเรื่องการคัดเลือกบุคคล ซึ่งพรรคเห็นสมควรที่จะเสนอชื่อให้เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเรื่องนี้ที่ประชุมได้มีการพิจารณากันอย่างกว้างขวาง และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันพอสมควร จนในที่สุดที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบเสนอ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นบุคคลที่สมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ในที่ประชุมร่วม กก.บห. และ ส.ส. ยังได้ให้ความเห็นชอบกับการเสนอชื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เพียงชื่อเดียวในการเสนอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย

ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวในวาระอื่นๆ ของการประชุมร่วม กก.บห. และ ส.ส. ของพรรคว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อม 100% ในการเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งความพร้อมในเรื่องของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้ง 400 เขต 400 คน โดยมีผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ พร้อมที่จะทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนในการเป็น ส.ส.เขต ทุกๆ เขต ทั่วประเทศไทยและมี ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ที่พร้อมจะทำงานรับใช้ประชาชนเช่นเดียวกัน โดยเป็นผู้มีความรู้ มีความสามารถ มีประสบการณ์จากหลากหลายสาขาวิชาชีพ

นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังมีความพร้อม 100% ในการจัดทำนโยบาย เสนอต่อพี่น้องประชาชนตามยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” ซึ่งเป็นนโยบายที่ผ่านการกลั่นกรองมาจากกระบวนการ ฟัง - คิด - ทำ คือการฟังพี่น้องประชาชน การคิดร่วมกับพี่น้องประชาชน และการทำเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นนโยบายยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” ของพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนแล้วแต่มีรากฐานมาจากพี่น้องประชาชน เป็นผู้มีส่วนอย่างสำคัญและการกำหนดนโยบายเพื่อตอบโจทย์ของพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้

นอกเหนือจากนโยบายที่พรรคได้นำเสนอต่อสาธารณะไปแล้วทั้ง 16 นโยบาย จากการแถลงข่าวไปแล้ว 2 ครั้ง และในส่วนของภูมิภาคต่างๆ พรรคก็ยังมีนโยบายเฉพาะของแต่ละภูมิภาค ตัวอย่างเช่น ในกรุงเทพมหานคร ก็จะมีนโยบายในส่วนของกรุงเทพมหานคร เช่น การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 การแก้ปัญหา และป้องกันน้ำท่วม หรือเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง ที่ทำเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน

นายองอาจ เพิ่มเติมว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีผู้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความพร้อมที่จะทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ ด้วยความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นนักการเมืองมาหลายสมัย ทำหน้าที่ทั้งฝ่ายบริหาร และฝ่ายค้านในสภารับแทนราษฎร อย่างโดดเด่นมาโดยตลอด รับผิดชอบงานบริหารราชการแผ่นดินในกระทรวงที่มีความสำคัญๆ มาหลายกระทรวง ตั้งแต่กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษา หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนงานของพรรคเคยเป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นโฆษกพรรค ในปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับงานในสภาในช่วงที่เป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นประธานวิปฝ่ายค้าน หรือแม้จะเป็นฝ่ายรัฐบาลก็เป็นประธานวิปฝ่ายรัฐบาล สามารถดำเนินการให้การประชุมทั้งในฐานะที่เป็นประธานวิปได้อย่างดีมาโดยตลอด เป็นที่ยอมรับภายในพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เอง พรรคประชาธิปัตย์จึงเลือกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรค เมื่อ 4 ปีที่แล้ว และวันนี้ นายจุรินทร์ จึงถือว่าเป็นผู้มีความพร้อมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ จึงได้เสนอชื่อนายจุรินทร์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค

จากความพร้อมของพรรคทั้ง 3 ประการนี้ ถือว่า มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้ โดยมีเลขาธิการ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นแม่บ้านเป็นกำลังสำคัญ ที่จะมีส่วนผลักดัน ขับเคลื่อน และดำเนินการในการทำให้พรรคประสบชัยชนะ รวมทั้ง นายนิพนธ์ บุญญามณี ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้ง ก็เป็นกำลังสำคัญที่จะร่วมกันขับเคลื่อนพรรค รวมทั้งรองหัวหน้าพรรคภาคต่างๆ และรองหัวหน้าพรรคภารกิจ ไปจนถึงกรรมการบริหารพรรคทุกๆ ท่าน วันนี้ได้แสดงความร่วมมือร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการที่ขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อนำชัยชนะในการเลือกตั้งมาสู่พรรค

นายองอาจ ได้ขอถือโอกาสกล่าวไปยังผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหลายว่า ขอโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีโอกาสที่จะเป็นพรรคการเมือง คู่กับประเทศไทยตลอดไป ด้วยการสนับสนุนผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ในทุกๆ พื้นที่ ทั้ง 400 เขต และผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อทั้ง 100 ท่าน ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้จะมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งเป็นการเลือกพรรคการเมือง และเลือก ส.ส. เขต แต่พรรคประชาธิปัตย์ อยากขอความกรุณาพี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง “กรุณาเลือกทั้งพรรคทั้งคน” คือ เลือกทั้งเบอร์พรรคประชาธิปัตย์ และเบอร์ของผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคตามเขตเลือกตั้งต่างๆ ทั่วประเทศในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ท่านมีภูมิลำเนาอาศัยอยู่

ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงการจัดลำดับบัญชีรายชื่อหรือไม่ ซึ่ง นายองอาจ กล่าวว่า พรรคได้ดำเนินการเหมือนกับที่เคยทำอย่างใน 2 ครั้งที่ผ่านมา คือในการเลือกตั้งปี 2554 และการเลือกตั้งปี 2562 และครั้งนี้ก็จะดำเนินการเหมือนกับที่ได้เคยปฏิบัติมา คือหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค จะเป็นผู้พิจารณาในการจัดลำดับรายชื่อ ซึ่งที่ประชุมไม่มีข้อขัดข้องใดๆ เพราะเคยดำเนินการลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง

“มี 2 ท่านนี้ที่เป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณา ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ได้ยืนยันในที่ประชุมว่า การดำเนินการจัดลำดับบัญชีรายชื่อของพรรค จะดำเนินการด้วยความเที่ยงธรรม คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก และเชื่อว่าการจัดอันดับบัญชีรายชื่อนั้น จะทำให้พรรคสามารถมีบุคคลเข้ามาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนในระบบบัญชีรายชื่อได้” นายองอาจ กล่าว

ส่วนสื่อมวลชน ถามถึงลำดับที่อยู่ใน Safe Zone ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้กำหนดตัวเลขในเรื่อง Safe Zone ว่าจะอยู่ในส่วนไหน อย่างไร เราเสนอรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมทั้งหมดให้ กกต. และเชื่อว่า ผู้ที่มีรายชื่อทั้ง 100 รายชื่อของพรรค ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความเหมาะสม พร้อมที่จะทำหน้าที่เป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อได้ ทั้งหมดจะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ที่จะทำงานในฐานะที่เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ ส่วนการพิจารณานั้นก็เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคที่จะดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเที่ยงธรรมและเหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นด้านหลัก

ผู้สื่อข่าวถามว่าหัวหน้า กับเลขาธิการพรรคได้บอกหรือไม่ว่ารายชื่อจะเสร็จวันไหน นายองอาจ กล่าวว่า ตามที่ได้เคยปฏิบัติมาแล้ว 2 ครั้ง รายชื่อจะไปปรากฏต่อสาธารณะทันที ที่พรรคยื่นบัญชีรายชื่อให้กับ กกต. ดังนั้นครั้งนี้ก็จะแตกต่างจากปี 62 เนื่องจากปี 62 เป็นการเลือกตั้งโดยใช้บัตรใบเดียว ดังนั้นการไปสมัครรับเลือกตั้งทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ ก็จะดำเนินการในวันเดียวกัน คือเมื่อมีการยื่นใบสมัครแล้ว ก็จะได้เบอร์ ซึ่งเป็นเบอร์เดียวทั้งพรรคทั้งคน และหลังจากนั้น กกต.จะกำหนดวันเพื่อให้พรรคยื่นบัญชีรายชื่อทั้ง 150 รายชื่อ ซึ่งเป็นคนละวันกับวันสมัคร แต่คราวนี้ทั้งหมดจะเกิดขึ้นในวันเดียวกันคือวันที่ 4 เมษายน ดังนั้นวันที่ 4 เมษายน นอกจากจะเป็นการสมัครแบบบัญชีรายชื่อ พร้อมกับเบอร์ของพรรคที่ประชาชนจะสามารถไปใช้สิทธิ์เลือกเบอร์ของพรรคได้ ส่วนวันที่ 3 เมษายนจะทำให้ได้ทราบเบอร์ของผู้สมัครแต่ละเขต ซึ่งอาจจะเหมือน หรือแตกต่างจากเบอร์ของพรรคก็ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ ดร.เฉลิมชัย ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ ได้มีการชี้แจงเหตุผลต่อที่ประชุมหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีการแจ้งในที่ประชุม แต่เป็นเรื่องที่ภายในพรรคทราบกันมานานแล้วว่า ท่านไม่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขต เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีนัยยะอะไรในทางการเมือง ซึ่งตนคิดว่า นายเฉลิมชัย สามารถทำงานในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรคได้ดีตลอดมา แม้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จะไม่ได้เป็น ส.ส. ในระบบเขตหรือในระบบบัญชี แต่ก็สามารถทำงานได้ดี มีผลงาน ทั้งในฐานะที่เป็นฝ่ายบริหาร ในฐานะที่เป็น รมว.เกษตร ก็สามารถทำงานมีผลงาน เป็นที่ยอมรับของประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชนด้วย และจะเห็นได้ว่า การทำงานของท่านไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ ทุกอย่างสามารถบรรลุได้ตามเป้าหมาย นโยบายของพรรค และนโยบายของรัฐบาลในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ในส่วนการบริหารพรรคในฐานะเลขาธิการพรรค ก็สามารถบริหารจัดการได้เป็นที่ราบรื่นไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ แม้จะไม่ได้มีสถานะเป็น ส.สเขตหรือ ส.ส. บัญชีรายชื่อก็ตาม

คุณกำลังดู: ปชป.ส่งผู้สมัคร "ส.ส.เขต-ปาร์ตี้ลิสต์" 500 คน-"จุรินทร์" แคนดิเดตนายกฯ

หมวดหมู่: การเมือง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด