เปิดใจลุงใหญ่ เจ้าของร้านคาเฟ่เมืองปทุมฯ หวังให้คาเฟ่ตลก-นักร้องอยู่คู่ไทย

"คาเฟ่เนเวอร์ดาย" เปิดใจ "ลุงใหญ่" เจ้าของร้านลุงใหญ่คาเฟ่ กับการมุ่งอนุรักษ์ร้านคาเฟ่ที่มีนักร้องและตลกให้อยู่กับคนไทยจนตาย หลังร้านคาเฟ่เมืองปทุมธานีล้มหายตายจากไป เหลืออยู่แค่ไม่กี่ร้าน
หากพูดถึงร้านคาเฟ่ในปัจจุบันนี้ แทบจะไม่ค่อยเห็นแล้วในกรุงเทพฯ หรือตามต่างจังหวัด จนนักเที่ยวต่างลืมเลือนว่ามีธุรกิจด้านนี้อยู่ในประเทศไทย หากย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนยุคคาเฟ่รุ่งเรืองนั้น จะเป็นช่วงที่ดารานักร้องลูกทุ่งต่างมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากคาเฟ่ทั้งนั้น โดยเฉพาะคณะตลกนั้นเป็นช่วงที่เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก การมาแสดงของคณะตลกที่มาเล่นตลกตามคาเฟ่นั้น ต่างลืมตาอ้าปากจนกระทั่งมีรถมีบ้านมีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อย่างมีความสุข

แต่ปัจจุบันนี้ แทบจะไม่เห็นร้านคาเฟ่ที่เปิดให้บริการตามสถานที่ต่างๆ แต่อย่างใด จนกระทั่งร้านคาเฟ่ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างนาน ต่างยกเลิกกิจการไปตามกาลเวลาที่หมุนเวียนไปตามยุคสมัย แต่ยังมีอยู่อีกร้านหนึ่งที่ยังคงปักหลัก เปิดร้านสู้กับกาลเวลาที่เปลี่ยนไป และสู้กับสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีอยู่ร้านหนึ่งที่ยังคงประกอบธุรกิจร้านคาเฟ่มาอย่างยาวนาน 30 ปีเต็มแล้ว ในขณะที่เพื่อนร่วมธุรกิจร้านคาเฟ่ ต่างทยอยปิดตัวลงคงเหลือไม่กี่ร้านในจังหวัดปทุมธานี

ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถามถึงการอนุรักษ์ร้านคาเฟ่มาจนปัจจุบันนี้ กับ นายขจร คิมนารักษ์ อายุ 57 ปี หรือ ลุงใหญ่ เจ้าของร้านลุงใหญ่คาเฟ่ ตั้งอยู่ ริมถนน 347 ต.เชียกรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โดยลุงใหญ่เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าสถานการณ์ร้านคาเฟ่ในปัจจุบันนี้ เริ่มหดหายจากประเทศไทยไปหมดแล้ว แต่ที่ตนยังคงเปิดอยู่นั้นเพราะตนนั้นมีใจรัก ซึ่งเดิมทีตัวเองประกอบอาชีพนักดนตรีร้านคาเฟ่มาหลายร้าน จนรักในอาชีพนี้ ซึ่งการเปิดร้านคาเฟ่นั้นต้องมีใจรัก

เจ้าของร้านลุงใหญ่คาเฟ่ กล่าวต่อว่า แต่เนื่องจากเศรษฐกิจซบเซา อีกทั้งธุรกิจด้านนี้เป็นธุรกิจที่คนลืม วัยรุ่นที่เกิดมาใหม่ไม่รู้จักแล้ว คนทำต้องอดทนและมีใจรัก ตนทำร้านคาเฟ่มานาน ไม่หวังร่ำรวย เพียงแค่มีรายได้เลี้ยงครอบครัวและลูกน้องไปวันๆ ก็พอแล้ว ทั้งนี้ หวังว่าจากการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ อยากจะให้รัฐบาลใหม่ช่วยส่งเสริมอาชีพนี้ให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง เพื่อเป็นการอนุรักษ์คาเฟ่ให้คงอยู่กับประเทศไทยสืบต่อไป

นางสาวสุทธิดา แสนสว่าง นักร้องคาเฟ่ กล่าวว่า เดิมทีตนเองประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์มานานหลังจากเรียนจบ ซึ่งได้รายได้เลี้ยงครอบครัวอย่างมีความสุข แต่พอช่วงไวรัสโควิด-19 ได้แพร่ระบาดอย่างหนัก ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย จึงต้องตกงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยในช่วงตกงานไม่รู้จะหันไปทำงานอะไร เลยคิดว่าจะไปร้องเพลงที่คาเฟ่ที่กำลังรับสมัครนักร้องอยู่ จึงตัดสินใจไปสมัครและก็ได้ร้องมาจนถึงปัจจุบันนี้

นักร้องคาเฟ่ กล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวเป็นวัยรุ่นอายุแค่ 20 กว่า แต่ช่วงเด็กๆ ได้เคยไปเที่ยวและร้องเพลง จึงรู้สึกหลงรักคาเฟ่มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งสมัยนี้วัยรุ่นที่เกิดมาในช่วงเทคและผับ คงจะไม่รู้จักคาเฟ่เท่าไร ตนจึงอยากจะให้มีการอนุรักษ์เอาไว้ให้อยู่กันไปอีกนาน อีกทั้งอาชีพนักร้องคาเฟ่นั้นก็เป็นอาชีพที่สุจริต สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ไม่ได้ไปค้ายาเสพติดแต่อย่างใด.
คุณกำลังดู: เปิดใจลุงใหญ่ เจ้าของร้านคาเฟ่เมืองปทุมฯ หวังให้คาเฟ่ตลก-นักร้องอยู่คู่ไทย
หมวดหมู่: ภูมิภาค
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ยังมีอยู่ข้าวต้ม 5 บาท กับอย่างละ 5 บาท ที่สตูล เปิดวันละ 4 ชม.ลูกค้าแน่น
- ครู นักเรียน ร.ร.ไทยรัฐวิทยา 107 ทำคุกกี้นมแพะเพื่อสุขภาพ ขายหารายได้เสริม
- กลุ่มเกษตรกร อ.ศรีนครินทร์ รวมตัวกันทำผลิตภัณฑ์ผ้าพิมพ์ลายใบไม้ ขายสร้างรายได้
- ธุรกิจเต็นท์เช่าโคราชคึกคัก พรรคการเมืองแห่จองคิว งานปราศรัยเปิดตัวผู้สมัคร
- ชาวบ้านที่นายายอามเข้าป่าโกงกางเก็บหอยจุ๊บแจงมาขายหารายได้เสริมให้ครอบครัว