เปิดใจพุทธกับนิ่มหลัง DNA ชี้น้องต่อเป็นลูกลุงแจ้ บอกขอให้เจอก่อน ยังไงก็ลูกเรา

พุทธและนิ่ม พ่อแม่น้องต่อพูดถึงความรู้สึก หลังผลดีเอ็นเอออกมาว่า น้องต่อเป็นลูกลุงแจ้ โดยนิ่มบอกยังไม่ได้คุยกับพุทธเรื่องนี้ ไม่รู้เขาจะรับได้ไหม ด้านพุทธ บอกยังไงก็เป็นลูก อยากเจอตัวก่อน

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 18 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง บ้านในพื้นที่ หมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม พบนายสิทธิโชค แสงสว่าง อายุ 19 ปี หรือพุทธ และ น.ส.พิไลภรณ์ ก่อเจริญ อายุ 17 ปี หรือ นิ่ม พ่อแม่ของน้องต่อเด็กชายวัย 8 เดือนที่หายไปจากบ้าน หลังจากวานนี้ทั้งคู่ถูกตำรวจ สภ.บางหลวงคุมตัวไปสอบสวนและเข้าเครื่องจับเท็จที่ ศพฐ.1 ปทุมธานีนานกว่า 11 ชม.

โดยในช่วงเช้าตรู่ พุทธ ที่มีสีหน้าเคร่งเครียด ก้มหน้าและกุมมือตลอดเวลา ไม่สบตา กล่าวว่า วันนี้ผมไม่ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา นายพุทธ ได้ขี่ จยย.พานิ่มซ้อนท้ายออกไปซื้อข้าว

ด้านแม่น้องต่อกล่าวว่า เมื่อคืนกลับมาดึกมาก ตำรวจพาไปเข้าเครื่องจับเท็จ เมื่อวานไปเข้าเครื่องจับเท็จ เขาก็ถามว่าเราเห็นชายเสื้อเหลืองจริงหรือเปล่า เราก็ตอบไปว่าเห็นจริง คำถามคล้ายๆ กับตำรวจที่สอบปากคำ ขณะที่เข้าเครื่องจับเท็จก็มีความกังวลอยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับเครียดเลย หลังจากเข้าเครื่องจับเท็จประมาณ 6 โมงกว่าออกมาก็เกือบสองทุ่ม ทั้งหมด 8 คำถาม เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้อง หรือเปล่า เขาให้เราตอบว่าไม่กับใช่แค่นั้น เราก็ยืนยันคำเดิม

แม่น้องต่อ กล่าวถึงเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอที่ออกมาว่า ก็คิดว่าถึงจะออกมาเป็นลูกใครเขาก็ยังเป็นลูกของหนู มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก กับพุทธก็ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องลูกและไม่เคยมีความสงสัยว่าไม่ใช่ลูกพุทธ ส่วนเรื่องผลที่ออกมาเป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าพุทธจะรับได้ไหม ส่วนพุทธก็คิดมาตลอดว่าน้องต่อคือลูก ส่วนตัวเรามั่นใจว่าเป็นลูกพุทธ แต่เมื่อผลออกมาว่าเป็นลูกลุงแจ้ก็ต้องยอมรับ มีความกดดันเพราะมีคำถามในหัวหลายเรื่อง ว่าทำไมถึงมั่นใจว่าเป็นลูกพุทธ ต้องดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องดูว่าพุทธจะยอมรับได้หรือเปล่า

แม่น้องต่อ กล่าวถึงประเด็นของลุงแจ้ว่า ผ่านมาก็ใช้ชีวิตประจำวันปกติเพราะลุงแจ้เอ็นดูน้องต่อ ประเด็นที่ว่าต้องมาลักขโมย ยังเชื่อว่าเป็นประเด็นที่มีคนมาอุ้มเด็กไป อยากให้เอาลูกมาคืน ให้บอกตำรวจหรือว่าเอาน้องวางตรงไหนก็ได้ที่มีคนเห็น ยังยืนยันคำเดิม มีคนเอาน้องไป ถ้าเขาเอาไปเลี้ยงจริง น้องต่อก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่

ต่อมาเวลา 09.00 น. นายพุทธได้เปลี่ยนใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เมื่อวานไปเข้าเครื่องจับเท็จมาเขาก็จะพูดคุยกับเราก่อน ถามวนไปวนมา บางช่วงเครื่องจับเท็จ เส้นกราฟก็ขึ้นสูง ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเพราะว่าเราไม่ได้เป็นคนทำ บางคำถามก็มีแทงใจ หนึ่งคำถามจะถามถึงสามครั้ง ระหว่างที่สอบถามจะใส่เครื่องวัดความดันตลอดเวลา ระหว่างที่เข้าเครื่องจับเท็จ แยกกันอยู่คนละชั้นกับนิ่ม เมื่อวานไม่รู้ว่ามีลุงแจ้ไปด้วยหรือเปล่าแต่ไปกันสามคนมีผม นิ่ม และลุงวี

พุทธกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอออกมาว่าเป็นลูกลุงแจ้ไม่ใช่ พุทธ ผมยังไม่แน่ใจแต่ตอนนี้อยากเจอน้องต่อมากกว่า และอยากตรวจดีเอ็นเอที่ตัวน้องต่ออีกครั้ง อยากให้คนที่เอาน้องต่อไปเอามาคืน โทร. ติดต่อมาที่ผมหรือที่ผู้ใหญ่บ้านก็ได้ ตอนนี้ก็สงสัยทางเส้นทางกล้องวงจรปิด เส้นกำแพงแสนที่ได้มาใหม่ ไม่มีความกังวลอะไรมีแต่ความเครียดเรื่องลูกอยู่ รู้สึกเหนื่อยแต่เพื่อลูกเราก็ต้องทำ หลังจากผลตรวจออก ยังไม่ได้เจอลุงแจ้ ปกติก็ไม่ค่อยคุยกันอยู่แล้ว ไม่ได้สนิทด้วย

ขณะที่ นายพวง เล็บประดู่ อายุ 77 ปี ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 50 เมตร คนที่อ้างว่าเห็นน้องต่อ ช่วงเช้า เวลา 06.30 น. ดูข่าวเมื่อคืน ไม่ชอบใจแม่มัน มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราหรอก แต่มันให้การทำให้คนอื่นลำบาก อย่างลุงวีโดนสอบนาน นั่งนานจนฉี่ไม่ออก ปกติลุงวีเป็นโรคนิ่วอยู่แล้ว หลานต้องเอาไปส่งโรงพยาบาลบางเลน เพื่อสวนฉี่วันก่อนที่เขาเรียกลุงวีไปสอบสวน ผมก็ไปด้วย แต่ผมไปแป๊บเดียวแล้วก็กลับ ตำรวจสอบสวนลุงวีเยอะเพราะว่ามันผิดเรื่องเวลาที่ไปหาตำรวจที่ตู้สายตรวจตำบลหินมูล

ส่วน นายรุ่ง แสงสว่าง อายุ 70 ปี เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันกับบ้านนายพุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้ไปสอบพ่อกับแม่นั่นแหละ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เรียกไปสอบแล้วมาเลือกตัวก็ไปพูดความจริงไปหมดแล้ว อยากจะบอกว่าให้รีบแก้ไขซะ ยังไงก็ไปไม่รอดเพราะรู้ว่าไม่ใช่ลูกพุทธ.

คุณกำลังดู: เปิดใจพุทธกับนิ่มหลัง DNA ชี้น้องต่อเป็นลูกลุงแจ้ บอกขอให้เจอก่อน ยังไงก็ลูกเรา

หมวดหมู่: อาชญากรรม