เปิดปฏิบัติการฝนหลวง ปี 66 รับมือภัยแล้ง พายุลูกเห็บ และลดหมอกควันทั่วไทย

กรมฝนหลวงฯ เปิดปฏิบัติการปี 66 รับมือภัยแล้ง หมอกควันไฟป่า และพายุลูกเห็บทั่วไทย โดยทั้ง 7 ศูนย์ เริ่มงาน 1 มี.ค.-30 ก.ย. 66 ปลัด ก.เกษตรฯ คาดกลางปี 66 เอลนีโญจะกลับมาทำให้แห้งแล้งมากขึ้น
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ที่จังหวัดนครสวรรค์ บริเวณหน้าหอบังคับการบิน สนามบินนครสวรรค์
ตำบลกลางแดด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ นายประยูร อินสกุล
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการ
ฝนหลวงประจำปี 2566 โดยมี นายชยันต์ ศิริมาศ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวให้การต้อนรับ
เพื่อแสดงถึงความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทุกหน่วยที่จะออกปฏิบัติการฝนหลวง
และสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดต่างๆ
สำหรับพิธีในช่วงเช้า
ได้มีการจัดพิธีสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
และมีการแสดงภาพตัวอย่างภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวง
และการบรรยายภาพรวมภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2566 โดย
นางสาววาสนา วงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการฝนหลวง
หลังจากนั้นประธานได้คล้องพวงมาลัยให้กับนักบิน ผู้อำนวยการศูนย์
และหัวหน้านักบิน จำนวน 8 ชุด ที่จะไปประจำการ ณ
ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภูมิภาคต่างๆ
และทำพิธีปล่อยคาราวานเครื่องบินฝนหลวงออกปฏิบัติการทั่วประเทศ ณ
จุดจอดเครื่องบิน นอกจากนี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ยังได้มอบน้ำแข็งแห้ง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวงอีกด้วย

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากที่สถานการณ์ สภาพอากาศในปี 2566 ได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้มีฝนตกมากกว่าค่าปกติโดยทั่วไป แต่คาดการณ์ว่าปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” จะกลับมามีอิทธิพลต่อสภาพอากาศในประเทศไทยอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้สภาพอากาศแห้งแล้งมากขึ้นและฝนตกน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบเรื่องการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคน้ำเพื่อทำการเกษตร รวมถึงเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่อาจมีปริมาณน้ำเก็บกักได้น้อยกว่าในปีที่ผ่านมา

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงฯ จึงได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในฐานะหน่วยงานดูแลบริหารจัดการน้ำในชั้นบรรยากาศ เร่งปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น โดยได้น้อมนำศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรและผู้ใช้น้ำทั่วทั้งประเทศ รวมถึงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับระบบบริหารจัดการน้ำของประเทศด้วย

ด้าน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปี 2566 มีแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ การป้องกันการเกิดไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน ป้องกันการเกิดพายุลูกเห็บ สถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไป รวมถึงการเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ ของประเทศ ประจำปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 ของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค จำนวน 7 ศูนย์ โดยมีอากาศยานรวมทั้งหมด 30 ลำ ได้แก่ อากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 24 ลำ อากาศยานของกองทัพอากาศ จำนวน 6 ลำ ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ดังนี้

1. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566
เป็นต้นไป, หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดตาก ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม
2566 เป็นต้นไป
2. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่าง
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดแพร่ ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2566 และ
วันที่ 1-30 มิถุนายน 2566, หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-31 พฤษภาคม 2566 และ วันที่ 1 กรกฎาคม-30
กันยายน 2566
3. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม
2566, หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 1
เมษายน-30 กันยายน 2566, หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดลพบุรี
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-31 สิงหาคม 2566

4. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-30
เมษายน 2566, หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 1
พฤษภาคม-30 กันยายน 2566
5. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-30
กันยายน 2566, หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่
1 พฤษภาคม-30 กันยายน 2566
6. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-31
พฤษภาคม 2566, หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 1
มิถุนายน-31 สิงหาคม 2566, หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดระยอง
ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2566
7. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดชุมพร
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-30 กันยายน 2566,
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดสงขลา
ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม-30 กันยายน 2566

นายสุพิศ กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อาจมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ของสภาพอากาศและความต้องการน้ำในแต่ละพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อให้เหมาะสมในการปฏิบัติการช่วยเหลือให้ตรงตามเป้าหมาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนต่อไป ทั้งนี้สามารถติดต่อประสานแจ้งข้อมูลและขอฝนหลวงได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100 ต่อ 410 หรือช่องทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, Instagram, Tiktok, Twitter : @drraa_pr และศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 7 ศูนย์ทั่วประเทศ.
คุณกำลังดู: เปิดปฏิบัติการฝนหลวง ปี 66 รับมือภัยแล้ง พายุลูกเห็บ และลดหมอกควันทั่วไทย
หมวดหมู่: ภูมิภาค
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ชาวสวนเมืองจันท์เร่งหาแหล่งน้ำสำรอง หวั่นภัยแล้งทำผลไม้ขาดน้ำยืนต้นตาย
- "ลุงป้อม" ลุย "กระบี่-พังงา" สั่งเร่งสำรองน้ำรับสถานการณ์ภัยแล้ง
- พังงาภัยแล้งเริ่มรุนแรง เขื่อน-ลำน้ำเริ่มแห้ง ผู้ว่าฯ สั่งสำรวจแหล่งน้ำสำรอง
- ชาวบ้าน..กินอิ่ม นอนอุ่น แผนตำบลสภาเกษตรลพบุรี
- ผู้เลี้ยงหมูที่โคราชโอดราคาหมูหน้าฟาร์มร่วงหนัก วอนรัฐช่วย แบกทุนค่าอาหารไม่ไหว
- ผู้ว่าฯ ตราดขึ้นต้นทุเรียน ตัดพันธุ์กระดุมลูกแรก ส่งสัญญาณฤดูเก็บเกี่ยวปี 66