“โรม” แฉพล.ต.อ. “ส” ช่วยส.ว.ฉาว ปธ.ศาลฎีกาตั้งกก.รับฟังข้อเท็จจริงถอนหมายจับ

“รังสิมันต์ โรม” บุก ปส.แฉสื่อ มี พล.ต.อ. นอกราชการ ชื่อย่อ ส. ให้ความช่วยเหลือพยายาม กดดันตัดชื่อ ส.ว.ทรงเอ ออกจากสำนวนคดีทุน มินลัต รับติดใจกระบวนการของคดีล่าช้าหวั่นถูกแทรกแซง ขู่อาทิตย์หน้าจะไป ยื่นเรื่องที่ ป.ป.ช. เอาผิด 3 ตุลาการเรื่องถอนหมายจับ ขณะที่ “บิ๊กเด่น” เผยได้รับรายงานจาก ผบก.ปส.3 ที่ร่วมกับอัยการทำคดี ชี้เรื่องนี้ไม่ได้เงียบยังอยู่ในขั้นตอน รออีกนิดเดี๋ยวสังคมกระจ่างเอง ด้านโฆษก ศาลเผยประธานศาลฎีกาสั่งตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงแล้ว
กรณีเอกสารการชี้แจงของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท อดีต สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. รายงานชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการร้องขอออกหมายจับ และการเพิกถอนหมายจับสมาชิกวุฒิสภาผู้หนึ่ง ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และฟอกเงิน ไปยังกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หลุดว่อนโซเชียลจนกลายเป็นประเด็นร้อนสะท้อนกระบวนการยุติธรรม โดยก่อนนี้ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายกล่าวหา ส.ว.คนดังกล่าวว่ามีความพัวพันกับกรณี “ทุนมินลัต” ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 มี.ค. ที่กอง บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำป้ายข้อมูลมาแสดงพร้อมแถลงต่อสื่อมวลชน กรณีติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีของ ส.ว.ทรงเอ เนื่องจากสำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 ดำเนินคดีของทุนมินลัต ที่ปรากฏข้อมูลชื่อ ส.ว.รายดังกล่าวเข้าไปพัวพันจนนำไปสู่การออกหมายจับ 2 ข้อหาคือ สมคบกันเกี่ยวกับยาเสพติดฯ และฟอกเงินคดีนอกราชอาณาจักร ก่อนมีการถอนหมายจับภายในวันเดียวกันเมื่อวันที่ 3 ต.ค.65
นายรังสิมันต์กล่าวว่า มาเพื่อต้องการคำตอบว่าเหตุใดการทำคดีของ ส.ว.รายนี้ล่าช้าเนื่องจากมีการถอนหมายจับไปเป็นเวลากว่า 162 วัน เข้าใจว่าช่วงสมัยประชุมสภาไม่สามารถออกหมายเรียกได้ แต่หลังประชุมเสร็จกลับไม่ดำเนินการใดๆ แม้แต่หมายเรียกที่เป็นขั้นพื้นฐานของตำรวจในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ มองว่ากระบวนการของคดีนี้อาจมีการแทรกแซงหรือช่วยเหลือจาก พล.ต.อ. ชื่อย่อ ส. นอกราชการ ระดับสูง ที่พยายามช่วยเหลือพร้อมให้คำแนะนำเรื่องรูปคดีเนื่องจากโทษของพฤติการณ์ดังกล่าวสูงถึงขั้นประหารชีวิต ผู้ถูกกล่าวหามีตำแหน่งหน้าที่สมาชิกวุฒิสภามีโทษสูงกว่าประชาชน 2-3 เท่า ก่อนมาที่นี่ได้ไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 28 ก.พ. และมีหนังสือตอบกลับมาให้กับตนเป็นลายเซ็นของ ผบ.ตร.แล้ว
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า กรณีตำรวจชุดจับกุมคดีทุนมินลัต ถูกโยกย้ายจนทำให้คดีไม่มีความคืบหน้า เพราะต้องเสียตำรวจน้ำดีไปปฏิบัติราชการพื้นที่อื่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องมีส่วนรับผิดชอบโดยตรงเพราะมีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด อีกทั้งมีข้อมูลว่า ส.ว.คนดังกล่าวที่ปรากฏในคดีเดียวกันนี้เชื่อมโยงกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะที่ทำการพรรคปัจจุบัน เช่าพื้นที่ของ ส.ว.เปิดเป็นสำนักงาน ส่วนตัวไม่ได้มองว่าการทำหน้าที่ของตำรวจมีความบกพร่องในคดีทุนมินลัต ซึ่งเป็นสำนวนคดีแรกที่ตำรวจปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง แต่สงสัยว่าทำไมถึงถอนหมายจับชั้นตุลาการ ส่วนนี้อาจมีการแทรกแซงของพนักงานสอบสวนหรือไม่ เรื่องดังกล่าว เคยยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมแล้ว
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า ส่วนสำนวนคดีที่ 2 ขณะนี้ที่อยู่กับ บช.ปส. เป็นผู้รับผิดชอบออกหมายเรียกหรือหมายจับพบว่าติดขัด ทั้งที่หลักฐานอยู่ในสำนวนคดีแรกอย่างชัดเจน เรื่องเส้นทางการเงินจากบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด เชื่อมโยงไปยัง ส.ว.รายนี้ แต่กลับอ้างว่าต้องแปลภาษาต่าง ประเทศจากบทสนทนาระหว่างผู้ต้องหา กับผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก คดีไม่มีความคืบหน้า ยอมรับว่าติดใจกับการดำเนินการของ บช.ปส. ทั้งนี้สัปดาห์หน้าจะไปยื่นเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดตุลาการทั้ง 3 ท่าน เรื่องมีการถอนหมายจับทันทีหลังช่วงเช้าออกหมายจับ ด้วยเหตุผลอ้างว่าเป็นบุคคลสำคัญ ตามกฎหมายไม่มี
จากนั้นนายรังสิมันต์ได้เปิดป้ายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีทุนมินลัต ส.ว.ทรงเอ ประกอบด้วยขบวนการค้ายาฟอกเงินข้ามชายแดนไทยเมียนมา และข้อมูลการทำธุรกิจชายแดนที่ทำผ่าน ส.ว. นอกจากนี้ ยังนำป้ายหาเสียง 2 แผ่นมาแสดง พร้อมกล่าวว่า วันนี้ที่นำมามี 2 ป้าย ระบุข้อความว่า นักการเมืองขายยาจะหมดไปได้ด้วยก้าวไกลเป็นรัฐบาล ไม่ได้ตั้งใจจะมาหาเสียง แต่ที่นำมาสองป้ายนี้เพื่อจะมาติดที่หน่วยงาน หวังว่าเนื้อหาดังกล่าวจะใช้ป้ายนี้เป็นป้ายเตือนใจว่าจะทำคดีเรื่องนี้ให้อย่างดีที่สุด ในวันนี้ตนในฐานะผู้แทนประชาชนอยู่ในหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบเอาเรื่องพวกนี้มาแฉ เพราะถ้าไม่นำมาเปิดเผยสังคมจะไม่รับรู้ ขอพูดกับตำรวจทุกท่านถ้าปิดบังช่วยกันล้มคดีพวกท่านก็ไม่ต่างอะไรกับคนชั่ว คนที่ค้ายา
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีเอกสารการชี้แจงของตำรวจชุดทำคดีเครือข่าย ทุนมินลัต ว่า สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเรื่องนี้ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ส่วนหนึ่ง พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. แถลงชี้แจงไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ส่วน พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 บช.ปส.ได้แถลงความคืบหน้าทางคดีไปอีกส่วนหนึ่ง รวมทั้ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ผู้บังคับบัญชาโดยตรงได้ชี้แจงไปแล้วอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงการตรวจสอบเรื่องถอนหมายจับ จเรตำรวจแห่งชาติจะตรวจสอบเรื่องนี้ถึงเหตุต่างๆ แต่ดุลพินิจของศาล ไม่อาจไปก้าวล่วง ท่านก็ใช้ดุล พินิจของท่าน ส่วนตำรวจจะตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงอย่างไรหรือไม่ เหตุใดถึงต้องไป มีความจำเป็นขนาดไหนถึงไม่ได้ประสาน กับ บช.ปส.
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า
เท่าที่เห็นรายละเอียดเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง
คดีนี้เกี่ยวเนื่องกันตั้งแต่เดือน ก.ย.65 มีการส่งสำนวนไปให้ บช.ปส.
แต่ทราบว่าวันที่ 3 ต.ค.65 ทางผู้กำกับการและสารวัตรได้ไปขอหมาย
น่าจะเป็นวันแรกที่ พล.ต.ต.ธีรเดชมารับตำแหน่ง ผบก.สส.บช.น.
พล.ต.ต.ธีรเดชบอกว่าไม่มีใครมารายงาน มารู้ทีหลังว่ามีการไปขอหมายจับ
และถอนหมายจับ เป็นเรื่องที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนการหมุนระดับสว.-รอง ผกก. เป็นอำนาจ บช. ถ้าดูจากการโยกย้ายแล้ว
การปรับเปลี่ยน พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์
จากสารวัตรศูนย์สืบมาเป็นสารวัตรสืบสวนพญาไท
ถือว่าไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย ไม่มีผลต่อทางคดี
เนื่องจากคดีนี้อยู่ในอำนาจ บช.ปส.ไปตั้งแต่เดือน ก.ย.
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า
ต่อมาทราบว่าอัยการสูงสุดเห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ตั้งแต่เดือน
พ.ย. ถือเป็นความรับผิดชอบของอัยการสูงสุด ได้มอบให้ ผบก.ปส.3
ร่วมกับทีมอัยการตั้งแต่เดือน พ.ย.65
เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของท่านไม่ได้เกี่ยวกับสารวัตรอีกแล้ว
สารวัตรอาจจะเป็นผู้กล่าวหาเป็นไปตามกระบวนการ เท่าที่ได้รับรายงานและ
ผบก.ปส.3 ได้ชี้แจง รวมถึงตนได้อ่านตามคำให้การของ ผบก.ปส.3
ไม่ได้เงียบ
แต่เป็นการหารือกันในคณะทำงานอยู่แล้วว่าจะออกหมายเรียกใคร
อยู่ในขั้นตอน ไม่ใช่จะหายเงียบ เชื่อว่าคณะนี้จะให้คำตอบได้ดีที่สุด
เดี๋ยวสังคมได้กระจ่างเอง
ขอเวลาในการทำงานต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
อย่าเพิ่งไปเห็นอะไรปุ๊บก็ตัดสินเลย
เย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช. มีหนังสือคำสั่งสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ ที่ 4/2566 ลงวันที่ 13 มี.ค. แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี ผบ.ตร.มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ 0001 (ผบ)/48 ลงวันที่ 11 มี.ค. ให้จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เกี่ยวกับการร้องขอหมายจับและการเพิกถอนหมายจับในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน จึงให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนทุกประเด็นและพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ แล้วรายงานผลการตรวจสอบมาเพื่อพิจารณาต่อไป
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ และเกิดความรวดเร็ว รวมทั้งเกิดความถูกต้องเป็นธรรม จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ รวม 11 คน ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการฯตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยถือปฏิบัติตามระเบียบหลักเกณฑ์และแนวทางตามหนังสือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องอนุมัติหลักการและกำหนดหลักเกณฑ์ แนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับงานรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหนังสือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องแนวทางและขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเรื่องร้องเรียนข้าราชการตำรวจ พนักงานราชการและ ลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ ผบ.ตร.ทราบต่อไป
ขณะที่นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าหนังสือร้องเรียนไปยัง ก.ต. ของ ตำรวจ สน.พญาไท เกี่ยวกับการร้องขอออกหมายจับ ส.ว.คนดัง กรณีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การเพิกถอนหมายจับ และมีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียล ว่า วันนี้นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการรับฟังข้อเท็จจริง มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อรายงานต่อประธานศาลฎีกา ใน 30 วัน โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริง สามารถเชิญขอความร่วมมือผู้ที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อเท็จจริงเพื่อนำเสนอไปยังประธานศาลฎีกาพิจารณามีคำสั่งต่อไป โดยคณะกรรมการดังกล่าวยังไม่ใช่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และยังไม่ใช่ขั้นตอนการดำเนินการทางวินัย ยังไม่ถึงขนาดมีอำนาจเรียกบุคคลมาสอบเป็นเพียงการขอความร่วมมือเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงรายงานประธานศาลฎีกาในเบื้องต้น
คุณกำลังดู: “โรม” แฉพล.ต.อ. “ส” ช่วยส.ว.ฉาว ปธ.ศาลฎีกาตั้งกก.รับฟังข้อเท็จจริงถอนหมายจับ
หมวดหมู่: การเมือง
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- โรมแฉ พล.ต.อ.นอกราชการ พยายามกดดันตัดชื่อ ส.ว.ทรงเอ ออกจากสำนวนคดีทุนมินลัต
- เลือกตั้ง 2566 : “โรม” ลุยหาเสียงกำแพงเพชร มั่นใจ พรรคก้าวไกลล้มช้างได้
- ไม่เหมือนที่คุยไว้ "รังสิมันต์ โรม" ทวีตหา "วิโรจน์" ก่อนศึกแดงเดือด รายหลังแซวกลับหลังจบเกม
- "ก้าวไกล" ปลื้ม หาเสียงตอบรับดี จ่อลงใต้-เปิดตัวผู้สมัคร กทม. 12 มี.ค.