ศาลสั่งสอบ ถอนหมาย ส.ว.รายงานใน 30 วัน "บิ๊กเด่น" ปัดช่วย คดียา-ฟอกเงิน

“บิ๊กเด่น” ยันไม่มีช่วยเหลือ “ส.ว.ทรงเอ” คดีเครือข่ายยาเสพติด “ทุนมินลัต” ปัดวิพากษ์วิจารณ์ปมทำคดีล่าช้า เพราะเป็นการทำงานร่วมอัยการ พร้อมสั่งตรวจสอบอดีตบิ๊กสีกากี “ส.” ถูก “ส.ส.โรม” แฉ วิ่งเต้นกดดัน ขณะที่หนังสือชี้แจงของบิ๊กผู้พิพากษาผู้หนึ่งที่มีชื่อเกี่ยวข้องในคดีถึงอธิบดีศาลอาญาว่อนโซเชียล แจงยิบสั่งเพิกถอนหมายจับ เพราะมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา หากปล่อยไปมีผลเสียหายกลับมาสู่ศาลยุติธรรมแน่นอน
ยังเป็นที่จับตากับการดำเนินคดีสมาชิกวุฒิสภาชื่อดังคนหนึ่งหลังถูกกล่าวหาพัวพันคดียาเสพติดและฟอกเงิน วันที่ 14 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับสมาชิกวุฒิสภาชื่อดังรายหนึ่ง หรือ ส.ว.ทรงเอ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีเครือข่ายยาเสพติด ทุนมินลัต ว่า หลังจากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการเปิดเผยข้อมูลเอกสารคำชี้แจงของตำรวจที่ไปขอหมายจับคดีนี้ ได้เรียกตำรวจชุดที่ทำคดีในปัจจุบันมาสอบถามข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่างๆว่าดำเนินการไปถึงขั้นใดอย่างไรบ้าง กำชับให้ บก.ปส.3 ประสานอัยการสูงสุด เพื่อประสานข้อมูลทำคดีและเปิดเผยข้อมูลเท่าที่ทำได้เพื่อทำความเข้าใจให้กับประชาชนและสื่อมวลชนได้รับทราบไปในทิศทางเดียวกัน ยืนยันว่าไม่ได้มีการให้การช่วยเหลือผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าว
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตคดีดังกล่าวมีการดำเนินการทางคดีโดยไม่มีการออกหมายเรียกหรือหมายจับนานเกินไป อาจทำให้มีผลต่อรูปคดีนั้น ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์หรือก้าวล่วงได้ว่าการทำงานของอัยการและตำรวจที่ทำคดีช้าเกินไปหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบข้อมูลทางคดีทราบว่า คดีนี้ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน บัญชีทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 500 บัญชี ต้องแปลเอกสารมากกว่า 1,000 หน้าของกลุ่มผู้ต้องหาพูดคุยกับผู้ต้องสงสัย ตามที่ ส.ว.คนดังกล่าวร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานอัยการสูงสุดและได้รับมอบหมายให้มาตรวจสอบ ทำให้ไม่สามารถออกหมาย เรียกหรือหมายจับได้ในขณะนี้ ส่วนจะล่าช้าไป หรือไม่นั้นให้ชุดจเรตำรวจตรวจสอบดูในรายละเอียดเรื่องนี้แล้ว
ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ระบุว่ามีตำรวจยศระดับสูงนอกราชการ มีชื่อขึ้นต้นด้วย ส. เกี่ยวข้องในการตัดข้อมูลและชื่อของ ส.ว.คนดังกล่าวออกจากสำนวนคดีนี้ว่า ได้ให้คณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วยว่าอดีตตำรวจนายนี้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ รวมทั้งให้พิจารณาว่าจำเป็นในการเรียกตัวมาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่เช่นกัน
วันเดียวกัน ที่สำนักงานศาลยุติธรรม นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีผู้พิพากษาผู้บริหารศาลอาญาท่านหนึ่งทำหนังสือชี้แจงการเพิกถอนหมายจับสมาชิกวุฒิสภาที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ ว่าหลังจากที่ผู้พิพากษาท่านนี้ส่งเอกสารชี้แจงมา ประธานศาลฎีกามีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด รวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วทำรายงานส่งประธานศาลฎีกาให้รับทราบภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. หลังจากนั้น ประธานศาลฎีกาจะตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นมีมูลหรือไม่ หากไม่มีมูลความผิดทางกฎหมาย หรือทางวินัยจะสั่งยุติ แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีมูล จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม กรณีนี้จะมีใครมาชี้แจงเพิ่มหรือไม่ ยังไม่ได้รับรายงาน แต่การจะให้ใครมาชี้แจงนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจจากคณะกรรมการทั้งสิ้น
มีรายงานด้วยว่า ภายหลังประธานศาลฎีกาสั่งสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุดในสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่หนังสือบันทึกข้อความที่ระบุว่าเป็นของผู้พิพากษาคนหนึ่งที่มีชื่อเกี่ยวข้องเรื่องนี้ ได้ทำหนังสือชี้แจงกรณีเพิกถอนหมายจับดังกล่าว โดยผู้พิพากษาคนดังกล่าวทำหนังสือถึงอธิบดีศาลอาญาและผู้บริหารศาลยุติธรรม ใจความโดยสรุปว่า การออกหมายจับดังกล่าวมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา ฉบับที่ 5 พ.ศ.2565 ข้อบังคับ ของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา และข้อแนะนำอื่นๆ รวมทั้งยืนยันให้นำหมายจับกลับมาพิจารณากันใหม่
หนังสือดังกล่าวระบุต่อว่า เมื่อผู้ขอให้ออกหมายจับดังกล่าวมาที่ศาลอาญาพร้อมกับผู้กำกับการที่เป็นผู้บังคับบัญชาได้ร่วมการประชุมปรึกษาร่วมกันกับอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ผู้พิพากษาที่ออกหมายจับดังกล่าว และเลขานุการศาลอาญาทำหน้าที่หาเอกสารต่างๆ สอบถามแล้วได้ความว่า ผู้ร้องขอให้ออกหมายจับอ้างว่าได้แจ้งให้กับเจ้าหน้าที่หมายจับหมายค้นของศาลแล้วว่ามาออกหมายจับวุฒิสมาชิก แต่ผู้พิพากษาผู้ที่ออกหมายจับไม่ได้รับแจ้ง อีกทั้งวันดังกล่าวมีการขอออกหมายจับหมายค้นจำนวนมาก ผู้พิพากษาได้พิจารณาออกหมายจับหมายค้นไปตามที่เคยปฏิบัติ โดยไม่ได้สังเกตเห็นว่าเป็นวุฒิสมาชิก ออกหมายจับให้ไปโดยมิได้นำเรื่องเข้าปรึกษากับผู้บริหารศาลอาญาตามระเบียบและข้อแนะนำดังกล่าวข้างต้น และได้โทรศัพท์ปรึกษานายตำรวจระดับสูงถึงระเบียบหรือข้อบังคับใดๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการขอหมายจับบุคคลสำคัญ ได้คำตอบว่า การที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับสมาชิกรัฐสภาต้องได้รับความเห็นชอบจาก ผบ.ตร. หรือ รอง ผบ.ตร.ที่ได้รับมอบหมายก่อนเท่านั้น หากเป็นช่วงที่อยู่ในสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือรัฐสภา แม้แต่การออกหมายเรียก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องออกหนังสือขออนุญาตต่อประธานสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกก่อนด้วย
หนังสือดังกล่าวระบุอีกว่า ขณะที่ผู้พิพากษาที่ออกหมายจับยอมรับว่า หากพบโดยชัดแจ้งว่า ผู้ที่ถูกร้องขอให้ออกหมายจับเป็นบุคคลสำคัญเช่นวุฒิสมาชิกเช่นนี้ หากพบเช่นนั้นจะต้องนำเรื่องมาปรึกษารองอธิบดี และอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาก่อน แน่นอน ในการประชุมนั้นเห็นว่า หากให้นำหมายจับที่ออกโดยไม่ชอบไปจับกุมวุฒิสมาชิก และต้องปฏิบัติให้ถูกต้องทั้งตามระเบียบของวุฒิสภา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และของศาลยุติธรรมแล้ว ย่อมจะต้องมีผลเสียหายกลับมาสู่ศาลยุติธรรมอย่างแน่นอน วุฒิสภาต้องตรวจสอบเรื่องนี้ จะพบว่าความบกพร่องส่วนหนึ่งมาจากศาลยุติธรรม ไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้ ประกอบกับแม้จะมีการออกหมายจับไปแล้วแต่ก็ยังมิได้นำหมายจับดังกล่าวไปจับกุม จึงสมควรที่แก้ไขเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้อง โดยการเพิกถอนหมายจับ
ในที่ประชุมจึงมีความเห็นร่วมกันว่า คำร้องขอออกหมายจับของผู้ร้องดังกล่าวน่าจะยังไม่ชอบ เนื่องจากผู้บังคับบัญชายังไม่มีคำสั่งมอบหมายให้ดำเนินการ และไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายและระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เพิกถอนหมายจับเพื่อให้ออกหมายเรียกก่อนภายใน 15 วัน หากทางบุคคลสำคัญดังกล่าวไม่มาตามหมายเรียก ให้ผู้ร้องขอหมายจับต่อไป สำหรับหมายเรียกให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการโดยด่วน ขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าและผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่มีผู้ใดรู้จัก หรือเพื่อช่วยเหลือวุฒิสมาชิกคนดังกล่าว การประชุมปรึกษาหารือและมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับและคำแนะนำตามกฎหมายทั้งสิ้น
คุณกำลังดู: ศาลสั่งสอบ ถอนหมาย ส.ว.รายงานใน 30 วัน "บิ๊กเด่น" ปัดช่วย คดียา-ฟอกเงิน
หมวดหมู่: อาชญากรรม
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ปส.ค้น 8 จุด อยุธยา ขยายผลจับกุมเครือข่ายขนยาไอซ์ 295 กิโลฯ ลงภาคใต้
- ตร.ปส. เสริมเขี้ยวเล็บ เชิญหน่วย DEA สหรัฐฯ สอนยุทธวิธีปราบยาเสพติด
- ตำรวจ 191 รวบเครือข่ายยานรกย่านลำลูกกา ยึดเคตามีน 30 กก.
- รวบ 2 ผัวเมีย ลอบขนยาบ้า 4 แสนเม็ด จากเหนือลงใต้ ค่าประมาณ 12 ล้านบาท
- รมว.ยุติธรรม แถลง ป.ป.ส.ร่วมมือ ตร.-ทหาร รวบ 5 ม้งลอบขนยาบ้า 6 ล้านเม็ด