"ตำรวจตรังฉาว" ลุงแฉถูก ด.ต.หลอก 3 แสน เคลียร์คดียา-ช่วยลูกพ้นคุก

"ลุงกรีดยาง" หอบหลักฐานร้องขอความเป็นธรรม แฉถูกตำรวจตรัง-ยศ ด.ต. ยื่นข้อเสนอ 5 แสน วิ่งเต้นคดียา-ช่วยลูกชายพ้นคุก สุดท้ายโดนหลอกสูญเงิน 3 แสน แถมลูกและเมียถูกจับติดคุก
เมื่อวันที่ 10 มี.ค.66 นายสมพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 63 ปีอาชีพกรีดยางพารา ชาวจังหวัดตรัง เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง และได้ร้องเรียนไปถึงสำนักนายกรัฐมนตรีอีกช่องทาง ก่อนจะนำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว หลังถูกตำรวจยศ ด.ต.นายหนึ่งในพื้นที่จังหวัดตรัง ตบทรัพย์โดยเรียกรับเงินจำนวน 3 แสนบาท แลกกับไม่ให้ลูกชายติดคุก แต่ปรากฏว่าถึงวันนี้ลูกชายกลับถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นระยะเวลา 4 ปีครึ่ง มิหนำซ้ำภรรยายังถูกจับกุมฐานสมคบคิดเพิ่มอีก 1 คน โดยถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดตรัง อยู่ระหว่างรอศาลพิจารณาคดี นอกจากนี้ นายสมพร ยังนำหลักฐานคือแชทการสนทนา ระหว่างภรรยาของลูกชายกับตำรวจคนดังกล่าว และสลิปการโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรงของตำรวจคนดังกล่าวมาเป็นหลักฐานประกอบการร้องเรียนด้วย
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. วันที่ 15 เม.ย.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.9 (สืบสวนภาค 9) ร่วมกันจับกุมตัว นายสิรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี อาชีพทำไม้ยางพารา ชาวจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นลูกชายของ นายสมพร และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรังที่ จ 117/2565 ,118/2565 ลงวันที่ 12 เม.ย.2565 ในข้อหา "มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยฝ่าฝืนกฎหมาย, และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้นั้นสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า"
โดย นายสมพร เปิดเผยว่า ภายหลังลูกชายถูกจับกุมผ่านไปได้ประมาณ 2-3 วัน ได้มีชายคนหนึ่งชื่อ นายสุบิน (ไม่ทราบนามสกุล) เข้ามาหาตนที่บ้านและถามว่ามีคนวิ่งเต้นช่วยเหลือคดีลูกชายแล้วหรือยัง ก่อนจะเสนอว่ามีตำรวจนายหนึ่งสามารถช่วยเหลือคดีไม่ให้ลูกชายตนติดคุกได้ จากนั้นจึงนัดหมายให้ตนไปพบที่เต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่งใน ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง เพื่อพบกับตำรวจนายนั้น โดยพูดเสนอมาว่าให้ตนนำเงินจำนวน 5 แสนบาท เพื่อแลกกับการวิ่งเต้นคดีไม่ให้ลูกชายติดคุก โดยตำรวจคนดังกล่าวยังยืนยันอีกว่า ลูกชายตนจะไม่ติดคุกแน่นอน ถ้าติดจะคืนเงินให้ทุกบาททุกสตางค์
"จากนั้นลูกสะใภ้ตนจึงนำเงินสด 1 แสนบาท ยื่นให้กับตำรวจนายดังกล่าวเป็นยอดแรก ถัดมาวันที่ 22 เม.ย.2565 ได้โอนเข้าไปที่บัญชีตำรวจคนดังกล่าวอีก 1 แสนบาท เป็นยอดที่สอง พร้อมแน่บสลิปการโอนเงินส่งไปทางไลน์ ต่อมาวันที่ 7 มิ.ย.2565 โอนเงินเข้าไปให้อีก 1 แสนบาท เป็นยอดที่ 3 รวมเป็นเงินทั้งหมด 3 แสนบาท" นายสมพร กล่าว
นายสมพร เปิดเผยต่อว่า ต่อมาหลังจากนั้นประมาณ 3-4 เดือน ทางตำรวจได้นำหมายศาลเข้ามาจับกุมภรรยาตนในฐานความผิดสมคบคิด เนื่องจากมีเงินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดของลูกชายผ่านเข้าบัญชีภรรยาในจำนวนประมาณ 5 หมื่นบาท โดยที่ภรรยาตนไม่ทราบเลยว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
นายสมพร เปิดเผยต่อว่า หลังจากศาลตัดสินให้ลูกชายตนถูกจำคุกแล้ว ตนจึงไปบอกกับ นายสุบิน ชายที่เป็นคนกลางประสานกับตำรวจนายดังกล่าวว่า ตนขอหยุดจ่ายเงินที่เหลืออีก 2 แสนบาท และขอเงิน 3 แสนบาทที่จ่ายไปก่อนหน้านี้คืน เพราะลูกชายตนถูกศาลตัดสินสั่งจำคุกแล้ว ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ จวบจนวันนี้ทางตำรวจนายดังกล่าวยังไม่มีการติดต่อมาพูดคุยใดๆเลย เงียบหายไปเลย ซึ่งเงินที่ตนนำไปจ่ายให้นั้น ได้มาจากการนำหัวเล่มทะเบียนรถยนต์ไปจำนำ ได้เงินมา 2 แสนบาท และไปกู้เงินจากธนาคาร ธ.ก.ส.มาอีก 1.5 แสนบาท เพื่อนำมาจ่ายให้ตำรวจนายดังกล่าว ส่วนที่เหลือ 5 หมื่นบาท ก็เอามาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินคดี
"ที่ตนไปเรียกร้องต่อหน่วยงานต่างๆและสื่อมวลชน เพราะอยากได้เงินจำนวน 3 แสนบาทคืน ส่วนการตรวจสอบตำรวจนายดังกล่าว ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการต่อไป ยืนยันว่ามาถึงขั้นนี้แล้วจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด จะไม่มีการยอมใดๆทั้งสิ้น หากจะมีใครมาพูดคุยก็ขอให้มีคนกลาง เพราะตนรอมานานถึง 7-8 เดือนแล้ว จนถึงตอนนี้มีเงินติดกระเป๋าอยู่แค่เพียง 90 บาท วันนี้ต้องแบกรับหนี้สินและดอกเบี้ยจากการทำอาชีพกรีดยาง รายได้วันละไม่เกิน 300 บาท" นายสมพร กล่าว
คุณกำลังดู: "ตำรวจตรังฉาว" ลุงแฉถูก ด.ต.หลอก 3 แสน เคลียร์คดียา-ช่วยลูกพ้นคุก
หมวดหมู่: อาชญากรรม