“เอ้ สุชัชวีร์” ถอดบทเรียน “ซีเซียม-137” รัฐต้องรายงานซื่อตรง ไม่หมกเม็ด

“เอ้ สุชัชวีร์” ถอดบทเรียน “ซีเซียม-137” รัฐต้องรายงานซื่อตรง ไม่หมกเม็ด

“สุชัชวีร์” ถอดบทเรียน ซีเซียม-137 หาย ความปลอดภัยต้องมาก่อน วัตถุอันตรายต้องมีมาตรการรัดกุม หน่วยงานรัฐต้องรายงานไม่หมกเม็ด ป้องซ้ำรอยในอนาคต อย่าให้ชีวิตลูกหลานแขวนบนเส้นด้ายที่กำลังจะขาด

วันที่ 22 มี.ค. 2566 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อกรณีกัมมันตรังสีซีเซียม-137 หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม จ.ปราจีนบุรี ก่อนไปพบที่โรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่งใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ว่า เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนชัดถึงปัญหาคุณภาพชีวิตคนไทย ที่ขาดการดูแลใส่ใจ ทั้งที่เป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิตคน จึงได้ถอดบทเรียนและเรียนรู้ เพื่อหาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์รูปแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต โดยแบ่งเป็น 5 ข้อ ดังนี้

1. “ต้องมีมาตรฐาน ต้องรัดกุม และต้องเข้มงวด กับวัตถุอันตราย” จากรายงานข่าวคาดว่าวัสดุอันตรายได้มีการสูญหายจากโรงงานก่อนหน้าที่มีการแจ้งหลายวัน แสดงให้เห็นถึงการดูแลความปลอดภัย และตรวจสอบวัสดุอันตรายในโรงงานแห่งนั้นยังมีปัญหา ขาดการตรวจเช็กเป็นประจำ มีช่องโหว่ด้านการรักษาความปลอดภัย จนวัสดุกัมมันตรังสีสูญหายออกจากโรงงาน และโรงงานยังไม่แจ้งวัสดุกัมมันตรังสีสูญหายโดยทันทีให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ

2. “ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสียที” เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำเดิมอีก ทุกโรงงานที่มีการครอบครองวัสดุกัมมันตรังสี หรือวัสดุอันตรายอื่นๆ ควรมีการตรวจสอบ และดูแลวัสดุอันตรายให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อวัสดุอันตรายถ้าเกิดสูญหายไป อาจสร้างผลกระทบต่อสุขภาพ และชีวิตของประชาชนโดยรอบได้

3. “กระบวนการทำงานของโรงงานไทย ต้องยึดหลักสากลอย่างเคร่งครัด” มีการคาดการณ์กันว่าฝุ่นโลหะที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่คาดว่ามาจากวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่สูญหายไป ได้ถูกหลอมในโรงงานหลอมแห่งหนึ่งที่เป็นโรงงานระบบปิด เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจจึงตรวจพบกัมมันตรังสีที่ปนเปื้อนกับฝุ่นโลหะที่โรงงานหลอมรวบรวมใส่ถุงไว้

“ถึงแม้ว่าโรงงานหลอมเป็นระบบปิด แต่แสดงให้เห็นถึงมาตรการการตรวจสอบวัตถุที่เป็นอันตรายก่อนการหลอมโลหะในประเทศยังบกพร่อง โรงงานบางแห่งไม่ได้มีเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ตรวจจับกัมมันตรังสีก่อนการหลอม อย่างมีมาตรฐานสากล ตรงจุดนี้อาจจะสร้างอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเด็ก ถ้ามีเหตุการณ์ซ้ำเดิม ฉะนั้น ควรมีมาตรการตรวจสอบวัตถุดิบในโรงงานหลอมโลหะที่รัดกุมมากกว่านี้”

4. “หน่วยงานรัฐต้องรายงานผลอย่างซื่อตรง ชัดเจน ไม่หมกเม็ด” ประชาชนทุกคนรวมถึงตนเอง ต่างกังวลถึงอันตรายจากกัมมันตรังสี แม้จะมีรายงานออกมาว่ากัมมันตรังสีไม่ได้ฟุ้งกระจาย เนื่องจากโรงงานเป็นระบบปิด และยังกังวลถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น ปริมาณกัมมันตรังสีตกค้าง หรือการกระจายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสีออกมาโดยรอบ การรายงานข้อมูลที่ชัดเจน ตรงไปตรงมาและน่าเชื่อถือ จะช่วยให้ประชาชนคลายกังวลได้

5. “กัมมันตรังสี และนิวเคลียร์ อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด” ควรจะเรียนรู้เพื่อใช้งานอย่างปลอดภัย โดยปัจจุบันวัสดุกัมมันตรังสีอยู่ใกล้กับตัวเรา มีหลายอย่างที่สร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์เป็นอย่างมาก ฉะนั้นเราจึงควรเรียนรู้เพื่อใช้งานได้อย่างปลอดภัย เช่น เครื่องเอกซเรย์ เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งในโรงพยาบาล การใช้ธาตุกัมมันตรังสีในการตรวจหารอยตำหนิในอุตสาหกรรม หรือการฉายรังสีเพื่อถนอมอาหาร

ในช่วงท้าย นายสุชัชวีร์ ระบุว่า “เราจึงควรศึกษาและเรียนรู้เพื่อใช้ประโยชน์จากกัมมันตรังสีและนิวเคลียร์อย่างปลอดภัย ปรับปรุงมาตรการและกฎหมายให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ผมจึงตั้งใจขอเป็นหนึ่งกำลังให้ท่าน ไปแก้ไขเรื่องเหล่านี้เสียที อย่าให้ชีวิตของลูกหลานเราแขวนไว้บนเส้นด้ายที่กำลังจะขาดแบบนี้เลย”

คุณกำลังดู: “เอ้ สุชัชวีร์” ถอดบทเรียน “ซีเซียม-137” รัฐต้องรายงานซื่อตรง ไม่หมกเม็ด

หมวดหมู่: การเมือง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด